มีรายงานจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศอินเดียว่าพบผู้ป่วยชายอายุ 40 ปี รับประทานน้ำมะระเข้มข้นที่ทำเองที่บ้านประมาณ 500 ซีซี ก่อนที่จะมีการเจาะเลือดไปตรวจ ผู้ป่วยบอกว่ามีอาการปวดอย่างรุนแรงบริเวณแถวกระบังลมหรือลิ้นปี่ และอาเจียนเป็นเลือดประมาณ 200 - 300 ซีซี ภายในครึ่งชั่วโมงหลังจากที่รับประทานน้ำมะระเข้มข้นเข้าไป ซึ่งผู้ป่วยไม่ได้เพิ่มเติมสารใดๆ ลงไปในขณะที่เตรียมน้ำมะระเข้มข้น ไม่มีประวัติการใช้แอลกอฮอล์ ยาระงับปวด ยาต้านการอักเสบ และยาอื่นๆ ไม่มีประวัติว่าปวดบริเวณแถวกระบังลมหรือลิ้นปี่ หรือไม่สบายมาก่อน และจากการตรวจร่างกายพบว่า ผู้ป่วยมีอาการซีด ชีพจรเต้น 120 ครั้ง/นาที ความดันโลหิต 80/60 มม. ปรอท ฮีโมโกลบิน 8.0 กรัม% ฮีมาโตคริต 23% (เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดปกติ) ค่าชีวเคมีในเลือดของตับและไตปกติ การทำอุลตร้าซาวน์ในช่องท้องไม่พบว่ามีภาวะความดันสูงในระบบหลอดเลือดดำของตับ หรือตับอ่อนอักเสบ จากการส่องกล้องดูระบบทางเดินอาหารส่วนต้น พบว่าหลอดอาหารปกติ ส่วนเยื่อบุกระเพาะอาหารมีเลือดออกคั่ง และมีแผลบริเวณตัวกระเพาะอาหารส่วนปลาย (distal body) และบริเวณแอนทรัม (antrum คือส่วนปลายของกระเพาะอาหารที่ต่อกับลำไส้เล็กส่วนต้น) ไม่พบว่ามีภาวะหลอดเลือดขดที่หลอดอาหารหรือกระเพาะอาหารโป่งพอง (esophageal varice, gastric varice) การตรวจหาเอนไซม์ urease ที่ถูกผลิตขึ้นโดย Helicobacter pylori จากชิ้นเนื้อที่ส่งตรวจให้ผลลบ จากข้อมูลทั้งหมดทีมแพทย์พิจารณาแล้วสรุปว่าการเตรียมสารสกัดจากมะระร่วมกับผักชนิดอื่นๆ อาจจะช่วยเจือจางและลดความเป็นพิษของมะระลงได้ แต่เนื่องจากผู้ป่วยรายนี้รับประทานมะระปั่นที่เข้มข้นอาจทำให้เกิดความเป็นพิษที่มีฤทธิ์กัดกร่อนจึงทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร และมีเลือดออกในระบบทางเดินอาหารส่วนต้น ซึ่งคิดว่าน่าจะมาจากสารอัลคาลอยด์ที่คล้ายกับ momordicine หรือสารที่คล้ายกับ lectin หรือ charantin ซึ่งพบในมะระและน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดฤทธิ์กัดกร่อนนี้
Indian J Gastroenterol 2010:29(1):37-9.