ผลลดอาการปวดของน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์และคาโมมายล์ในผู้ป่วยเด็กหลังผ่าตัดต่อมอะดีนอยด์และต่อมทอนซิล

การศึกษาในผู้ป่วยเด็กที่ได้รับการผ่าตัดต่อมอะดีนอยด์และต่อมทอนซิล (adenotonsillectomy) จำนวน 144 ราย อายุ 5-12 ปี ซึ่งผู้ป่วยทุกรายจะได้รับยา acetaminophen ขนาด 10-15 มก./กก. ทุกๆ 6 ชม. เพื่อระงับอาการปวดหลังการผ่าตัด แบ่งผู้ป่วยออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ให้สูดดมน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ความเข้มข้น 1% กลุ่มที่ให้สูดดมน้ำมันหอมระเหยคาโมมายล์ความเข้มข้น 1% กลุ่มที่ให้สูดดมน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ผสมกับน้ำมันหอมระเหยคาโมมายล์ (1:1) ความเข้มข้น 1% และกลุ่มควบคุมที่ได้รับน้ำมันงา โดยหยดน้ำมันหอมระเหยหรือน้ำมันงา 3 หยด ลงบนผ้าก๊อซที่ติดไว้กับเสื้อผ้าสำหรับให้ผู้ป่วยสูดดม โดยในช่วง 24 ชม. แรกหลังการผ่าตัด จะให้สูดดมทุก 6 ชม. และในช่วง 48 ชม. ถัดไป ให้สูดดมทุก 8 ชม. ประเมินผลการศึกษาโดยใช้แบบประเมินความปวด Visual analogue scale (VAS) และวัดความถี่ของการใช้ยา acetaminophen ในแต่ละวัน เป็นเวลา 3 วันหลังการผ่าตัด พบว่าการใช้น้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์หรือน้ำมันหอมระเหยคาโมมายล์เพียงอย่างเดียว หรือใช้ในรูปแบบผสม มีผลช่วยลดอาการปวดหลังการผ่าตัดได้ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม ความถี่ในการใช้ยา acetaminophen ลดลงในทุกกลุ่ม โดยกลุ่มที่ได้รับน้ำมันหอมระเหยในรูปแบบผสม จะลดความถี่ของการใช้ยาได้ดีที่สุด สรุปได้ว่าการบำบัดด้วยน้ำมันหอมระเหย ลาเวนเดอร์และคาโมมายล์ นับเป็นการรักษาทางเลือกที่มีประโยชน์ในการลดจำนวนยาแก้ปวด และความรุนแรงของความเจ็บปวดหลังการผ่าตัดต่อมอะดีนอยด์และต่อมทอนซิลได้

J Herb Med. 2023;41:100728.