การศึกษาทางคลินิก (a double-blinded, placebo-controlled prospective interventional study) ผลของน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ (Aloe vera) และทีทรีออยล์ (Melaleuca alternifolia; tea tree oil) ต่อสุขภาพช่องปาก ในนักเรียนจำนวน 152 คน ผู้ชาย 89 คน ผู้หญิง 63 คน อายุ 8-14 ปี โดยแบ่งออกเป็น กลุ่มที่ 1 ได้รับน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ กลุ่มที่ 2 ได้รับน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน (chlorhexidine) กลุ่มที่ 3 ได้รับน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของทีทรีออยล์ และกลุ่มที่ 4 เป็นกลุ่มยาหลอก ประเมินผลค่าดัชนีคราบจุลินทรีย์ คาดัชนีสภาพเหงือก แบคทีเรียสาเหตุปัญหาช่องปาก Streptococcus mutans ในช่วงเริ่มการทดสอบ ช่วงที่ใช้น้ำยาบ้วนปาก 4 สัปดาห์ และหลังจากหยุดใช้น้ำยาบ้วนปาก 2 สัปดาห์ ผลการทดสอบพบว่าสมุนไพรทั้งสองชนิดมีผลลดค่าการประเมินผลต่าง ๆ ทั้งในช่วงสิ้นสุดการทดสอบ และช่วงระยะหลังจากหยุดใช้น้ำยาบ้วนปาก 2 สัปดาห์ โดยค่าการเปลี่ยนแปลงระหว่างกลุ่มว่านหางจระเข้ ทีทรีออยล์ และคลอเฮกซิดีนไม่มีความแตกต่างกัน จากผลการทดสอบครั้งนี้สรุปว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้และทีทรีออยล์มีผลลดดัชนีคราบจุลินทรีย์ คาดัชนีสภาพเหงือก และแบคทีเรียสาเหตุปัญหาช่องปากในเด็กได้เทียบเท่ากับการใช้น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน
Eur Arch Paediatr Dent. 2020;21(1):61-6.