สารสกัดเพชรสังฆาต (CQR-300) และตำรับยาที่มีเพชรสังฆาตเป็นส่วนประกอบ (CORE) เมื่อนำไปทดสอบในหลอดทดลอง พบว่ามีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ จากนั้นได้นำสาร CQR-300 และตำรับยา CORE มาทดสอบในผู้ที่มีน้ำหนักเกิน ผู้ที่อ้วน และผู้ที่น้ำหนักปกติจำนวน 168 คน ทั้งเพศชาย และหญิง อายุระหว่าง 19 - 50 ปี BMI อยู่ในช่วง 25 - 48.7 กก./ม.2 และน้ำหนักอยู่ในช่วง 70.6 - 142 กก. โดยแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มควบคุมที่มี BMI > 30 และได้รับยาหลอก แต่จำกัดอาหารให้ได้รับ 2,100 Kcal/วัน กลุ่มที่ 2 BMI > 30 ได้รับตำรับยา CORE ขนาด 1,028 มก./วัน โดยไม่จำกัดอาหาร กลุ่มที่ 3 และ 4 มี BMI > 30 แต่ได้รับ CORE (1,028 มก./วัน) และ CQR-300 (300 มก./วัน) ตามลำดับ และควบคุมอาหารให้ได้รับ 2,100 Kcal/วัน และกลุ่มที่ 5 มี BMI 24-29.9 และได้รับตำรับยา CORE ขนาด 1,028 มก./วัน และไม่จำกัดอาหาร โดยทำการศึกษานาน 6 สัปดาห์ ในกลุ่มที่ได้รับยาหลอก และ CQR-300 และศึกษานาน 8 สัปดาห์ ในกลุ่มที่ได้รับ CORE ผลการศึกษาพบว่าผู้ที่อ้วนและได้รับ CQR-300 จะมีน้ำหนักร่างกายลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม โดย BMI ลดลง 5.4% ในขณะที่กลุ่มที่ได้รับ CORE BMI ลดลง 8.5% และในกลุ่มที่ได้รับ CQR-300 เป็นเวลา 6 สัปดาห์ ระดับคอเลสเตอรอลรวมจะลดลง 18% ระดับ LDL-คอเลสเตอรอลลดลง 29% ไตรกลีเซอไรด์ลดลง 21.7% และระดับน้ำตาลในเลือด (Fasting blood sugar) ลดลง 14.6% และเพิ่มระดับ HDL-คอเลสเตอรอล 21.1% ในขณะที่กลุ่มที่ได้รับ CORE ระดับคอเลสเตอรอลรวมลดลง 26% LDL-คอเลสเตอรอลลดลง 32.4% ไตรกลีเซอไรด์ลดลง 28% ระดับน้ำตาลในเลือด (FBS) ลดลง 16.1% และระดับ HDL-คอเลสเตอรอลเพิ่มขึ้น 43% นอกจากนี้ทั้ง CORE และ CQR-300 ยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระโดยลดระดับ malondialdehyde (MDA) ในเลือด ดังนั้นจากการทดลองสรุปได้ว่า สารสกัด CQR-300 และตำรับยา CORE สามารถลดน้ำหนัก ระดับน้ำตาลในเลือด รวมทั้งลดระดับไขมันในเลือด และลดการเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจในผู้ที่มีน้ำหนักเกินและอ้วนได้
Lipids in Health and Disease 2007;6:4