การศึกษาฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและฤทธิ์ต้านเบาหวานของสมุนไพรเพื่อพัฒนายาลดระดับน้ำตาลในเลือดและ/หรือลดภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน โดยคัดเลือกสมุนไพรที่มีรายงานว่ามีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด ได้แก่ ตำลึง (Coccinia grandis L. Voigt), เชียงดา (Gymnema inodorum (Lour.) Decne.), เจียวกู่หลาน (Gynostemma pentaphyllum (Thunb.) Makino.), กระเจี๊ยบแดง (Hibiscus sabdariffa L.), มะระขี้นก (Momordica charantia L.), หม่อน (Morus alba L.) และขิง (Zingiber officinale L.) นำมาสกัดด้วยเทคนิคสกัดสารด้วยซอกห์เลตที่มีเอทานอลเป็นตัวทำละลาย จากนั้นวิเคราะห์ปริมาณสารพฤกษเคมี ประเมินฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของสารสกัด ผลพบว่าสารสกัดจากเหง้าขิงมีปริมาณสารฟีนอลิกรวมและฟลาโวนอยด์สูงสุด (พบ 167.95 มก. สมมูลกรดแกลลิค/ก. และ 81.70 มก. สมมูลคาเทชิน/ก. ตามลำดับ) การศึกษาฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระด้วยวิธี DPPH และ ABTS พบว่าสารสกัดจากเหง้าขิงมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงสุด ด้วยค่า IC50 เท่ากับ 19.16 และ 8.53 มคก./มล. ตามลำดับ และการศึกษาฤทธิ์ต้านเบาหวาน โดยประเมินผลต่อเอนไซม์ α-glucosidase และการใช้น้ำตาลในเซลล์ HepG2 ที่ดื้อต่ออินซูลิน ผลพบว่าสารสกัดจากใบหม่อนและสารสกัดจากส่วนเหนือดินเจียวกู่หลาน ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ α-glucosidase ดีที่สุด ด้วยค่า IC50 เท่ากับ 134.40 และ 329.97 มคก./มล. ตามลำดับ ส่วนสารสกัดจากเหง้าขิงและสารสกัดจากกลีบเลี้ยงกระเจี๊ยบแดง ความเข้มข้น 50 มคก./มล. มีฤทธิ์กระตุ้นการใช้น้ำตาลของเซลล์ เท่ากับ 145.16 และ 107.03% ตามลำดับ จึงคัดเลือกนำสารสกัดจากใบหม่อน สารสกัดจากส่วนเหนือดินเจียวกู่หลาน สารสกัดจากเหง้าขิงและสารสกัดจากกลีบเลี้ยงกระเจี๊ยบแดง ไปพัฒนาเป็นตำรับต้านเบาหวาน ผลพบว่าตำรับ R1 ซึ่งประกอบด้วยสารสกัดจากใบหม่อนและสารสกัดจากส่วนเหนือดินเจียวกู่หลาน อัตราส่วน 2:3 มีฤทธิ์ต้านเบาหวานดีที่สุด โดยยับยั้งการทำงานของ α-glucosidase ดีที่สุด ด้วยค่า IC50 เท่ากับ 122.10 ± 0.17 มคก./มล. ซึ่งมีฤทธิ์ดีกว่ายาต้านเบาหวาน acarbose (IC50 = 571.27 ± 3.33 มคก./มล.) จึงควรมีการศึกษาเพิ่มเติมถึงประสิทธิภาพของตำรับยา R1 ต่อการลดระดับน้ำตาลในสัตว์ทดลองที่เป็นเบาหวานต่อไปในอนาคต
Plants. 2024;13:2862.