การศึกษาฤทธิ์ต้านมาลาเรียและความเป็นพิษของสารสกัดหยาบจากตำรับยาจันทลีลา ตำรับยาประสะจันแดง และสมุนไพรเดี่ยวในตำรับ ทำการทดสอบฤทธิ์ต้านเชื้อมาลาเรียในหลอดทดลอง โดยดูผลต่อการทำงานของเอนไซม์ Plasmodium lactate dehydrogenase ร่วมกับการประเมินความเป็นพิษต่อเซลล์เพาะเลี้ยง (Vero cell) และเซลล์มะเร็งตับ HepG2 ด้วยวิธี tetrazolium salt method ผลพบว่าสารสกัดเอทานอลจากตำรับยาจันทลีลา และตำรับยาประสะจันแดง มีฤทธิ์ต้านมาลาเรียสูงที่สุด ด้วยค่า IC50 เท่ากับ 4.88 และ 4.19 ก./มล. ตามลำดับ และแสดงความเป็นพิษต่อเซลล์ต่ำ และเมื่อนำไปทดสอบฤทธิ์ต้านมาลาเรียในหนูเม้าส์ด้วยด้วยวิธี Peters 4-day suppressive test, curative test, prophylactic test พบว่าสารสกัดเอทานอลจากตำรับยาจันทลีลาและสารสกัดเอทานอลจากตำรับยาประสะจันแดงลดจำนวนเชื้อมาลาเรียในหนูเม้าส์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และให้ผลการยับยั้งขึ้นอยู่กับขนาดของสารสกัดที่ได้รับ สารสกัดเอทานอลจากตำรับยาจันทลีลา ขนาด 600 มก./กก. ให้ผลยับยั้งเชื้อมาลาเรียดีที่สุดในการทดสอบด้วยวิธี 4-day suppressive test (89.80%) และวิธี curative test (35.94%) ส่วนสารสกัดเอทานอลจากตำรับยาประสะจันแดง ขนาด 600 มก./กก. ให้ผลยับยั้งเชื้อมาลาเรียดีที่สดุในการทดสอบด้วยวิธี prophylactic test (65.82%) การทดสอบความเป็นพิษแบบเฉียบพลัน ด้วยการป้อนสารสกัดเอทานอลจากตำรับยาจันทลีลาและสารสกัดเอทานอลจากตำรับยาประสะจันแดง ขนาด 2,000 มก./กก. แบบครั้งเดียวให้แก่หนูเม้าส์ ไม่ก่ออาการพิษ การวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีในสารสกัดด้วย gas chromatography-mass spectrometry (GC-MS) พบว่าในสารสกัดเอทานอลจากตำรับยาจันทลีลาพบ linderol, isoborneol, eudesmol, linoleic acid, และ oleic acid เป็นองค์ประกอบหลัก ส่วนสารสกัดเอทานอลจากตำรับยาประสะจันแดง ประกอบด้วย ethyl 4-methoxycinnamate เป็นองค์ประกอบหลัก รองลงมา ได้แก่ 3-hydroxy-2-(4-hydroxy-3-methoxyphenyl)-4H-chromen-4-one, flamenol oleic acid amide, linoleic acid, และ oleic acid
PLoS ONE 19(1): e0296756.