การศึกษาฤทธิ์ของสารสกัดว่านพระฉิม (Dioscorea bulbifera Linn.) สกัดด้วยเฮกเซน ไดคลอโรมีเทน เอทิลอะซีเตท เมทานอล และเอทานอล ต่อการยับยั้งเชื้อแบคทีเรียก่อโรคผิวหนัง Staphylococcus aureus DMST 8840, methicillin-resistant S. aureus (MRSA) DMST 20651, S. epidermidis DMST 3547, S. epidermidis DMST 4343, และ Pseudomonas aeruginosa DMST 4739 ด้วยวิธี microdilution techniques ผลพบว่าสารสกัดเอทิลอะซีเตทให้ผลยับยั้งเชื้อแบคทีเรียได้ดีที่สุด ด้วยค่าความเข้มข้นต่ำสุดที่สามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรียได้ (MIC) เท่ากับ 0.78-1.56 มก./มล. จากนั้นนำสารสกัดเอทิลอะซีเตทมาสกัดแบบแยกส่วนและวิเคราะห์แยกสารสำคัญในการออกฤทธิ์ด้วยวิธี Thin-layer chromatography (TLC) bioautography และพิสูจน์โครงสร้างสารด้วย nuclear magnetic resonance analysis (NMR) ผลพบว่าชั้นส่วนสกัดย่อยเอทิลอะซีเตทที่มีสาร flavanthrinin เป็นสารสำคัญ มีฤทธิ์อย่างแรงในการต้านเชื้อแบคทีเรีย S. aureus, methicillin-resistant S. aureus (MRSA), และ S. epidermidis ด้วยค่า MIC = 0.02-0.78 มก./มล. การทดสอบความเป็นพิษต่อเซลล์พบว่าส่วนสกัดย่อยที่มีสาร flavanthrinin มีความเป็นพิษต่อเซลล์ต่ำ โดยพบค่าความเข้มข้นของสารสกัดที่ทําให้เกิดความเป็นพิษต่อเซลล์ 50% (50% cytotoxic concentration; CC50) เท่ากับ 0.41±0.03 มก./มล. ซึ่งต่ำกว่าค่า MIC ของสารสกัดเอทิลอะซีเตท ชี้ให้เห็นว่าสาร flavanthrinin มีความปลอดภัยมากกว่าสารสกัดเอทิลอะซีเตท การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากว่านพระฉิมและสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ flavanthrinin มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียก่อโรคผิวหนัง S. aureus รวมถึงเชื้อชนิดดื้อยา MRSA และอาจนำไปใช้เป็นตัวเลือกในการพัฒนาเป็นยารักษาโรคติดเชื้อที่ผิวหนังได้
BMC Complement Med Ther. 2024:24;180