การศึกษาฤทธิ์ทางชีวภาพของสารสกัดด้วยตัวทำละลายต่างๆ ได้แก่ เฮกเซน เอทิลอะซีเตท และ เอทานอลจากตัวอย่างแก่นแกแล (Maclura cochinchinensis) จากแหล่งต่างๆ ในประเทศไทย และสารสำคัญที่แยกได้จากสารสกัด ได้แก่ morin, resveratrol และ quercetin โดยทดสอบความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็ง ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ และต้านมะเร็งเม็ดเลือดขาว ผลการศึกษาพบว่าสารสกัดเอทิลอะซีเตทของแกแลจากกรุงเทพฯ มีความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด EoL-1 ดีที่สุด ขณะที่สารสกัดเฮกเซนของแกแลจากภูเก็ต เป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวทั้ง 3 ชนิดที่ทดสอบ (KG-1a, EoL-1, K562) และมีความเป็นพิษต่ำต่อเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดนิวเคลียสเดียว (peripheral blood mononuclear cells; PBMCs) สาร resveratrol มีความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวทั้ง 3 ชนิดที่ทดสอบ รวมทั้งเซลล์เม็ดเลือดขาว PBMCs สารสกัดเอทิล-อะซีเตทของแกแลจากกรุงเทพฯ, สารสกัดเฮกเซนของแกแลจากภูเก็ต และสารสำคัญทั้ง 3 ชนิด มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เมื่อทดสอบด้วยวิธี ABTS, DPPH และ FRAP โดยสารสำคัญทั้ง 3 ชนิด มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระได้เทียบเท่ากับวิตามินซี การทดสอบในเซลล์ macrophage RAW 264.7 ที่ถูกเหนี่ยวนำด้วยสารไลโปโพลีแซคคาไรด์ พบว่าสารสกัดเอทิลอะซีเตทของแกแลจากกรุงเทพฯ, สารสกัดเฮกเซนของแกแลจากภูเก็ต และสารสำคัญทั้ง 3 ชนิด มีผลลดการอักเสบ โดยยับยั้งการสร้างและการหลั่งสารซึ่งเป็นตัวบ่งชี้การอักเสบ ได้แก่ IL-2, nitricoxide และ TNF-α นอกจากนี้ยังมีผลยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด KG-1a, EoL-1, K562 โดยลดการแสดงออกของยีน Wilms tumour 1 protein และยับยั้งการเคลื่อนที่ของเซลล์มะเร็งเต้านมชนิด MCF-7 สารสกัดและสารสำคัญทั้ง 3 ชนิดจากแกแล ไม่มีผลทำให้เกิดการแตกของเซลล์เม็ดเลือดแดง สรุปว่า สารสกัดเอทิลอะซีเตทและสารสกัดเฮกเซนจากแกแลในประเทศไทยและสารสำคัญที่แยกได้จากสารสกัด มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ และต้านมะเร็งโดยเฉพาะมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้
BMC Complement Med Ther. 2023;23:191. doi: 10.1186/s12906-023-03979-w.