คำถาม : วิธีสกัดสารแทนนิน
  • วิธีสกัดสารแทนนินที่นำมาใช้ทำยาสีฟันยับยั้งแบคทีเรียในช่องปากได้
  • Date : 31/10/2568 13:51:00
คำตอบ : แทนนิน เป็นสารประกอบพวกโพลีฟีนอลที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ สามารถละลายได้ดีในตัวทำละลายมีขั้วเช่น น้ำ แอลกอฮอล์ และอะซิโตน แต่ไม่สามารถละลายได้ในตัวทำละลายอินทรีย์เช่น อีเทอร์ คลอโรฟอร์ม แต่เมื่ออยู่ในน้ำจะมีสภาพเป็นคอลลอยด์ หลักการสกัดแทนนินจากพืช โดยทั่วไปนิยมต้มส่วนตัวอย่างพืชนั้นกับน้ำ จากนั้นกรองเอาเฉพาะส่วนสารสกัดมาทำการตกตะกอนแทนนินโดยวิธี salting out คือทำให้ตกกะกอนด้วยการเติมโซเดียมคลอไรด์ นำตะกอนที่ได้ไปสกัดซ้ำด้วยอะซิโตนและนำไปกำจัดไขมันออกโดยใช้อีเทอร์สกัดแยกไขมันทิ้งไป แล้วนำส่วนสารที่สกัดได้มาเติมโซเดียมคลอไรด์อีกครั้ง เพื่อให้แทนนินตกตะกอนออกมา

วิธีสกัดแบบง่ายตามคำแนะนำในหนังสือการสกัดและตรวจสอบสารสำคัญจากผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ มีรายละเอียดดังนี้
1. ชั่งตัวอย่างพืช 5 ก. เติม 50% เอทานอล จำนวน 50 มล. ต้มบนอ่างอังไอน้ำด้วยวิธี reflux นาน 30 นาที
2. กรองเก็บสารละลายที่ได้ (filtrate)
3. ระเหย filtrate ให้เกือบแห้งบนอ่างอังไอน้ำ
4. ละลายสารสกัดด้วยน้ำกลั่น 50 มล. โดยใช้ความร้อนช่วย จากนั้นกรองผ่าน buchner funnel ด้วยวิธี suction โดยใช้สารช่วยกรอง (สาร celite)
5. เติม 10% sodium chloride 1 มล. กรองเก็บ filtrate ไว้ทดสอบต่อไป***

**การเติม 10% sodium chloride เป็นวิธีการตกตะกอนสารอื่นๆ ที่ไม่ใช่แทนนิน โดยแทนนินจะอยู่ในส่วนใสหรือส่วนที่เป็นสารละลาย (filtrate) ซึ่งจะมีลักษณะเป็นของเหลวค่ะ และจะนำส่วนนี้ไปทดสอบกับ reagent ต่าง ๆ เพื่อวิเคราะห์หาปริมาณแทนนินหรือใช้วิเคราะห์ชนิดของแทนนินต่อไปค่ะ

โดยสารสกัดที่ได้จากวิธีข้างต้นจะได้ในรูปของสารสกัดหยาบ (crude extract) หากต้องการแยกและทำให้แทนนินบริสุทธิ์ สามารถทำได้โดยใช้เทคนิคโครมาโทกราฟีซึ่งต้องทำต่อในห้องปฏิบัติการ อย่างไรก็ตามขั้นตอนและสภาวะที่เหมาะสมในการทำให้แทนนินบริสุทธิ์อาจมีความแตกต่างกันในแต่ละชนิดพืช อาจต้องมีการทดลองศึกษาด้วยตัวเองหรือสืบค้นจากงานวิจัยที่ทำไว้ก่อนหน้า โดยในการค้นหารายงานวิจัยสามารถสืบค้นได้จากชื่อวิทยาศาสตร์ของพืช ร่วมกับใส่คำสืบค้นในขอบเขตที่ต้องการค้นหา เช่น tannin identification, chromatography, phytochemical เป็นต้น

อ้างอิง : อ้อมบุญ ล้วนรัตน์. การสกัดและตรวจสอบสารสำคัญจากผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ . กรุงเทพฯ :ภาควิชาเภสัชวินิจฉัย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล; 2536.