คำถาม : การสกัดน้ำมันหอมระเหย
  • 1. การที่เราสกัดน้ำมันหอมระเหยจากใบพลูและใบกะเพราจากการ กลั่นด้วยไอน้ำ เราต้องใช้ตัวทำละลายไหม อะไรบ้าง
    2. หลังจากที่เราสกัดน้ำมันหอมระเหยจากใบพลูและใบกะเพราจากการกลั่นด้วยไอน้ำ จะได้น้ำมันหอมระเหยกับน้ำและเอามาแยกกันด้วยวิธีอะไร
    3. หลังจากที่เราสกัดน้ำมันหอมระเหยจากใบพลูและใบกะเพราจากการกลั่นด้วยไอน้ำ จะได้น้ำมันหอมระเหยมา เราสามารถแยกEugenol ด้วยการทำอะไรได้บ้าง และใช้สารตัวทำละลายใดบ้าง ในการสกัดEugenol
    4. หลังจากที่เราสกัดน้ำมันหอมระเหยจากใบพลูและใบกะเพราจากการกลั่นด้วยไอน้ำ มันจะได้น้ำมันหอมระเหย แล้วเราสามารถแยกEugenolจากน้ำมันได้อย่างไร ใช้สารตัวทำละลายใดบ้าง
    5. เราสามารถนำสารไคโตซานมาผสมกับสารน้ำมันหอมระเหยEugenolมาเป็นตัวช่วยในการเคลือบบรรจุภัณฑ์ได้อย่างไร อัตราส่วนในการนำมาเคลือบ
    6. A. flavus เกิดจากอะไรเป็นส่วนมาก อยู่ในกลุ่มอะไร และมีโอกาสเกิดบนผลิตภัณฑ์จากใบกาบหมากหรือไม่

  • Date : 31/7/2568 15:03:00
คำตอบ : ขอตอบเรียงลำดับดังนี้

ตอบ (1,2) การกลั่นด้วยไอน้ำ (steam distillation) หลักการคือ การให้ไอน้ำจากเครื่องกำเนิดไอน้ำเข้าไปในหม้อกลั่นที่ใส่สมุนไพรไว้ ซึ่งไอน้ำจะวิ่งผ่านพืชและพาน้ำมันหอมระเหยในพืชออกมาพร้อมกับไอน้ำ เมื่อไอน้ำวิ่งผ่านเครื่องควบแน่นซึ่งมีอุณหภูมิเย็นลง ไอน้ำจะกลั่นตัวและตกลงในภาชนะกักเก็บ ทำให้ได้ส่วนของน้ำมันหอมระเหยที่แยกกับชั้นของน้ำ จากนั้นจึงแยกส่วนของน้ำมันและน้ำด้วยกรวยแยก (separatory funnel) และกำจัดน้ำที่เหลืออยู่ด้วยสารดูดน้ำ เช่น ผงแมกนีเซียมซัลเฟต หรือโซเดียมซัลเฟต และกรองเพื่อแยกสารดูดน้ำออก ก็จะได้เฉพาะส่วนของน้ำมันมาใช้ ควรเก็บน้ำมันหอมระเหยที่ได้ในขวดสีชาและเก็บในตู้เย็นเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของน้ำมัน จากหลักการข้างต้นจะเห็นว่าตัวทำละลายของวิธีการกลั่นด้วยไอน้ำก็คือ น้ำ หรือ ไอน้ำ นั่นเอง สำหรับชุดเครื่องกลั่นด้วยไอน้ำ กรวยแยก วัสดุอุปกรณ์ หรือสารเคมีต่าง ๆ สามารถหาซื้อได้ตามร้านจำหน่ายอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ ร้านศึกษาภัณฑ์ หรือทาง online ค่ะ สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการสกัดน้ำมันหอมระเหยสามารถศึกษาเพิ่มเติมจากหนังสือ “ยาและผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ” โดยภาควิชาเภสัชวินิจฉัย คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล ซึ่งมีให้บริการในห้องสมุดของคณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล และห้องสมุดของทางศูนย์ฯ ค่ะ

ตอบ (3,4) การแยกสาร การวิเคราะห์ชนิดของสาร หรือการตรวจสอบปริมาณของสำคัญในสารสกัดต่าง ๆ หรือในน้ำมันหอมระเหยที่แยกได้จากสมุนไพร ต้องใช้เทคนิคทางโครมาโตกราฟฟี (chromatography) หลายขั้นตอน ซึ่งจำเป็นต้องทำในห้องปฏิบัติการเคมี และมีค่าใช้จ่ายสูงค่ะ สำหรับการแยกและวิเคราะห์สาร eugenol ในน้ำมันหอมระเหยนั้น สามารถใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Gas chromatography-mass spectrometry (GC-MS) ค่ะ หากสนใจลองสอบถามไปที่ศูนย์วิเคราะห์คุณภาพผลิตภัณฑ์ฯ (ฝ่ายสมุนไพร) คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โทร: 096-812-3539 อีเมล์: mucapqnp@gmail.com ซึ่งท่านสามารถคุยรายละเอียดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก่อนได้ค่ะ

ตอบ (5) ทางศูนย์ฯ ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการใช้สารไคโตซานกับน้ำมันหอมระเหยในการเคลือบบรรจุภัณฑ์ค่ะ ท่านต้องทำการทดลองเพื่อหาขนาดและวิธีการที่เหมาะสมด้วยตนเอง โดยอาจศึกษารายละเอียดจากรายงานการวิจัยเรื่อง “สารเคลือบไคโตซานและน้ำมันหอมระเหยกานพลูต่อคุณภาพภายในและอายุการเก็บรักษาไข่ไก่” ตาม Link ที่แนบมานี้ค่ะ
https://li01.tci-thaijo.org/index.php/agritechjournal/article/view/254905/175667
เอกสารอ้างอิง: ณัฐา จริยภมรกุร และ นิภารัตน์ ศรีธเรศ. สารเคลือบไคโตซานและน้ำมันหอมระเหยกานพลูต่อคุณภาพภายในและอายุการเก็บรักษาไข่ไก่. วารสารเกษตรพระจอมเกล้า. 2565;40(3):337–47.

ตอบ (6) Aspergillus flavus หรือ A. flavus เป็นเชื้อราชนิดหนึ่ง อยู่ในวงศ์ Aspergillus เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผลิตผลทางการเกษตรและอาหารเน่าเสื่อมเสีย และสามารถผลิตสารพิษชื่อว่า aflatoxin ที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งตับ A. Flavus เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศร้อนและชื้น สามารถพบได้ทั่วไปตามซากพืช ซากสัตว์ หรือสิ่งมีชีวิตที่ตายแล้ว รวมทั้งเกิดตามผิวดิน และในผลผลิตทางการเกษตร เช่น ธัญพืช ถั่วต่าง ๆ ข้าว ข้าวโพด เป็นต้น A. Flavus สามารถแพร่กระจายโดยลมและแมลง จึงสามารถพบได้ทุกที่ รวมทั้งในผลิตภัณฑ์จากใบกาบหมาก ซึ่งในสภาวะที่มีความชื้นมากและอุณหภูมิสูงจะยิ่งเพิ่มโอกาสในการเจริญเติบโตและการผลิตสาร aflatoxin ของ A. flavus ค่ะ ดังนั้นการป้องกันไม่ให้เชื้อเจริญเติบโต คือ การควบคุมไม่ให้มีความชื้นสูง และเก็บรักษาในที่อุณหภูมิต่ำค่ะ