คำถาม : การสกัดน้ำมันหอมระเหย
  • การสกัดน้ำมันหอมระเหย
    - การสกัดน้ำมันหอมระเหย จากว่านนางคำ และผิวมะกรูด โดยวิธีการกลั่นด้วยน้ำร้อน water distillation อยู่ได้กี่วันค้าบ ถ้าหากผสม base oil แล้วด้วยจะอยู่ได้กี่วันค้าบ ขอรายละเอียดการสกัดแบบ กลั่นด้วยน้ำร้อน แบบละเอียดหน่อยค้าบ ขอบคุณค้าบ

  • Date : 30/5/2567 15:17:00
คำตอบ : จากการสืบค้นข้อมูล น้ำมันหอมระเหยจากพืชแต่ละชนิดมีอายุที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยเช่น ชนิดของพืช คุณภาพของวัตถุดิบ วิธีการสกัด และวิธีการเก็บรักษา แต่โดยหลัก ๆ แล้ว น้ำมันหอมระเหยจะเสื่อมสภาพลงโดยมีสาเหตุมาจากการทำปฏิกิริยากับออกซิเจน ความร้อน และแสง หากเก็บรักษาน้ำมันหอมระเหยให้พ้นจากปัจจัยดังกล่าว อายุและคุณภาพก็จะยาวนานขึ้น ทั้งนี้น้ำมันหอมระเหยจากพืชส่วนใหญ่ จะมีอายุเฉลี่ย 2-3 ปี สามารถสังเกตการเปลี่ยนแปลงหรือการเสื่อมสภาพของน้ำมันหอมระเหยได้จากลักษณะของสีและกลิ่นที่เปลี่ยนไป หรือส่งตรวจห้องแลปปฏิบัติการเพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีที่เปลี่ยนไป และเมื่อผสมน้ำมันหอมระเหยลงในน้ำมัน base oil ซึ่งส่วนใหญ่เป็นน้ำมันพืช (fixed oil) จะมีอายุน้อยลงเนื่องจากน้ำมันพืชบางชนิดจะถูกออกซิไดซ์และทำให้เกิดกลิ่นหืนได้ง่าย

อ้างอิง Sabai arom. คู่มือเกี่ยวกับน้ำมันหอมระเหย : Essential Oil มีวันหมดอายุหรือไม่
https://sabaiarom.com/th/essential-oil-shelf-life/
Sabai arom. คู่มือเกี่ยวกับน้ำมันหอมระเหย : ตารางอายุของน้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์ ชนิดต่างๆโดยประมาณ
https://shorturl.asia/fe4Jw

การสกัดน้ำมันหอมระเหยโดยวิธีการกลั่นด้วยน้ำ (water distillation) จะต้องมีชุดกลั่นที่เป็นอุปกรณ์เฉพาะสำหรับกลั่นน้ำมันหอมระเหย ซึ่งประกอบด้วย เตาให้ความร้อน หม้อกลั่น เครื่องควบแน่น (condenser) ภาชนะรองรับน้ำมัน หรือ clevenger-type apparatus โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. ล้างทำความสะอาดวัตถุดิบด้วยน้ำ แล้วหั่นพืชเป็นชิ้นเล็ก ๆ ชั่งน้ำหนัก แล้วนำไปใส่ในหม้อกลั่น
2. เติมน้ำลงในหม้อกลั่นให้ท่วมวัตถุดิบประมาณ 2 ใน 3 ของปริมาตรหม้อกลั่น
3. นำหม้อกลั่นตั้งบนเตาไฟต่อท่อเครื่องควบแน่นเข้ากับหม้อกลั่นที่หล่อด้วยน้ำเย็น และต่อกับภาชนะรองรับของเหลวที่ออกมาจากเครื่องควบแน่น
4. เปิดเตาให้ความร้อนแก่หม้อกลั่นจนน้ำเดือด ไอน้ำจะนำพาน้ำมันหอมระเหยจากวัตถุดิบขึ้นไปในเครื่องควบแน่น เมื่อเจอกับความเย็น ไอน้ำและไอน้ำมันหอมระเหยจะควบแน่นเป็นขอเหลวไหลลงส่งภาชนะรองรับ โดยน้ำมันหอมระเหยจะแยกชั้นกับน้ำ
5. เวลาที่ใช้สกัดขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณวัตถุดิบพืชที่ใช้สกัด ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 3-6 ชั่วโมง หรือสังเกตว่าน้ำมันที่สกัดได้ในภาชนะรองมีปริมาณที่ไม่เพิ่มขึ้น
6. ปิดเตาให้ความร้อน รอจนอุณหภูมิเย็นลง และน้ำมันแยกชั้นกับน้ำอย่างสมบูรณ์ สังเกตว่าน้ำมันใส (ส่วนใหญ่เป็นของเหลวชั้นบน) จึงแยกน้ำมันออกจากน้ำโดยเทลงในภาชนะทรงผอมๆ แล้วใช้หลอดหยดดูดน้ำมันออกมา
7. หากมีน้ำปนมาสามารถกำจัดน้ำได้โดยการเติมผงแอนไฮดรัสโซเดียมซัลเฟต จนผงไม่จับตัวเป็นก้อน แล้วกรองเอาผงแอนไฮดรัสโซเดียมซัลเฟต ดัวยกระดาษกรอง
8. น้ำมันหอมระเหยที่ได้เก็บในขวดสีชาป้องกันแสง และเก็นในตู้เย็นจะมีอายุนานขึ้น

สามารถศึกษารายละเอียดวิธีการสกัดดังกล่าวเพิ่มเติมได้จาก
1. รายงานผลงานวิจัย : การศึกษาหาสภาวะที่เหมาะสมในการสกัดน้ำมันหอมระเหยจากไพลโดยการกลั่นด้วยน้ำและไอน้ำ
http://webpac.library.mju.ac.th:8080/mm/fulltext/research/2558/mookarin_nookong_2558/fulltext.pdf
2. ประสิทธิภาพของน้ำมันหอมระเหยจากผลพริกไทยในการควบคุมไรแดงมันสำปะหลัง
https://agkb.lib.ku.ac.th/ku/search_detail/dowload_digital_file/401562/128521