อันตรกิริยาของขมิ้นชันกับยากดภูมิคุ้มกันในการยับยั้งเอนไซม์ calcineurin มีผลทำให้เกิดความเป็นพิษที่ไต

รายงาน case report ของชายไทยอายุ 56 ปี ที่มีประวัติทำการปลูกถ่ายตับ และได้รับยา tacrolimus ขนาด 0.5 mg. รับประทานวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ซึ่งเป็นยากดภูมิคุ้มกันเพื่อไม่ให้ร่างกายปฏิเสธการเปลี่ยนถ่ายตับ ซึ่งหลังจากเปลี่ยนถ่ายตับเสร็จจนอาการปลอดภัยแล้ว แพทย์ได้ให้ผู้ป่วยกลับบ้าน โดยได้เจาะเลือดดูระดับ tacrolimus ในเลือด มีค่าเท่ากับ 9.7 ng./ml. ซึ่งอยู่ในระดับปกติ และระดับครีเอตินิน (creatinine) 1.5 mg/dL. หลังจากกลับไปบ้านได้ 11 วัน ผู้ป่วยกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งด้วยอาการบวมช่วงล่าง และลูกอัณฑะบวม แพทย์เจาะเลือดผู้ป่วย พบว่ามีภาวะโปแตสเซี่ยมสูงในเลือด 6.8 mmol/L. ระดับครีเอตินินสูง 4.2 mg/dL. และระดับ tacrolimus ในเลือดสูง มีค่าเท่ากับ 29.9 ng./ml. จากการสอบถามพบว่าผู้ป่วยรายนี้รับประทานขมิ้นชันทุกวัน โดยรับประทานประมาณ 15 ชต./วัน ซึ่งผู้ป่วยยังคงได้รับยา tacrolimus ในขนาด 0.5 mg. วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ซึ่งแพทย์ได้วินิจฉัยว่าน่าจะเกิดอันตรกิริยาระหว่างยา tacrolimus และยาขมิ้นชัน ซึ่งจะมีผลให้ยับยั้งเอนไซม์ calcineurin และเกิดความเป็นพิษที่ไตได้ เนื่องจากมีการวิจัยในสัตว์ทดลองถึงอันตรกิริยาของขมิ้นชันและยา tacrolimus จากการศึกษาในครั้งนี้สรุปได้ว่าหากผู้ป่วยได้รับยากดภูมิคุ้มกัน tacrolimus และรับประทานยาขมิ้นชันคงต้องระมัดระวัง เพราะไม่สามารถบอกได้ว่าขนาดที่ต่ำที่สุดของขมิ้นชันที่ปลอดภัยคือเท่าใด ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงดีกว่าที่รับประทานขมิ้นชัน เพราะเสี่ยงต่อการเกิดความเป็นพิษที่ไต

Transplantation Proceedings 2017;49:198-200.