ขลู่




1. ชื่อสมุนไพร                      ขลู่

          ชื่อวิทยาศาสตร์           Pluchea indica (L.) Less.

          ชื่อวงศ์                     COMPOSITAE (ASTERACEAE)

          ชื่อพ้อง                     -

          ชื่ออังกฤษ                  Indian marsh fleabane

          ชื่อท้องถิ่น                  ขลู  หนวดงั่ว หนวดงิ้ว  หนาดงัว  หนาดวัว

 

2.  ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

     ไม้กึ่งพุ่ม แตกกิ่งก้านสาขามาก ใบรูปไข่กลับ ปลายใบแหลมหรือแหลมมีติ่งสั้น โคนใบสอบแคบ ขอบใบเป็นซี่ฟันแหลม เนื้อใบค่อนข้างเกลี้ยง ไม่มีก้านใบ ดอกสีม่วงเป็นกระจุกเล็กออกเป็นช่อที่ปลายยอดและตามง่ามใบ ไม่มีก้านดอก ริ้วประดับแข็ง สีเขียว เรียงเป็น 6-7 วง วงนอกรูปใข่ วงในรูปหอกแคบปลายแหลม ดอกวงนอกเป็นดอกเพศเมีย ดอกวงในเป็นดอกสมบูรณ์เพศ กลีบดอกเป็นรูปท่อปลายเป็นซี่ฟัน อับเรณูโคนเป็นรูปหัวศรสั้นๆ ท่อเกสรเพศเมียปลายมี 2 แฉกสั้นๆ ผลแห้งรูปทรงกระบอก สีขาว (1, 2)

 

3.  ส่วนที่ใช้เป็นยาและสรรพคุณ

     ใช้ทั้งห้า (ราก ลำต้น ใบ ดอก ผล) ทั้งสดและแห้ง (นิยมใช้เฉพาะใบ)       

     สรรพคุณยาไทย ขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะพิการ (2)

 

4.  สารสำคัญ

     สารสำคัญหลักในใบขลู่ได้แก่ chlorogenic acid, caffeic acid, quercetin, kaempferol (3)  นอกจากนี้ทั้งต้นของต้นขลู่ยังมีสารกลุ่มเทอร์ปีน กลัยโคไซด์ (terpenic glycosides) ได้แก่ linaloyl glucoside, linaloyl apiosyl glucoside, 9-hydroxylinaloyl glucoside, plucheosides A and B (4)

 

5.  การศึกษาทางคลินิก และฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา

     การศึกษาฤทธิ์ขับปัสสาวะในหนูและในคนปกติ  โดยการฉีดสารสกัดต้นขลู่ 5% ให้กับหนูขาวทางช่องท้องในขนาด 0.2, 0.4 และ 0.8 มล. และสารสกัดต้นขลู่ 5 % เตรียมในรูปของเหลวให้คนปกติ 30 ราย ดื่มในปริมาตร 250 ซีซี.  พบว่าสารสกัดขลู่มีฤทธิ์ขับปัสสาวะสูงกว่ายาขับปัสสาวะไฮโดรคลอโรไธอะไซด์ (hydrochlorothiazide : HCTZ) ขนาด 50 มก. ประมาณ 1.9 เท่า และมีข้อดีคือ สูญเสียเกลือแร่น้อยกว่า (5)

     การศึกษาในผู้ป่วย 5 ราย ที่เตรียมตัวมาสลายนิ่วที่โรงพยาบาลรามาธิบดี โดยให้ผู้ป่วยได้รับน้ำดื่มอย่างพอเพียงและได้รับอาหารที่มีปริมาณเกลือปกติ เปรียบเทียบประสิทธิภาพการให้น้ำดื่ม ยาขับปัสสาวะ HCTZ 50 มก. กับให้สารสกัดน้ำของขลู่ชนิดแคปซูล (freeze dried extract) 12 แคปซูล (1 แคปซูลเทียบเท่าขลู่ 1.2 กรัม) เมื่อวัดปริมาตรปัสสาวะรวมภายหลังให้ยา 6 ชม.  พบว่าประสิทธิภาพในการขับปัสสาวะของขลู่ชัดเจนในผู้ป่วย 3 ราย  คิดเป็น 60%  ส่วนที่เหลืออีก 2 ราย  ไม่ได้ผล  คณะผู้วิจัยสรุปว่าควรเพิ่มจำนวนผู้ป่วยให้มากขึ้นเพื่อที่จะได้ศึกษาให้แน่ชัดว่าขลู่มีประสิทธิภาพในการใช้เป็นยาขับปัสสาวะได้หรือไม่ (6

     การทดสอบแบบไขว้กลุ่ม (crossover study) ในอาสาสมัครชายไทย 15 คน อายุระหว่าง 30 - 68 ปี  และคนไข้โรคนิ่วในไต 30 คน โดยแบ่งคนไข้โรคนิ่วในไตออกเป็น 2 กลุ่มๆ ละ 15 คน  จากนั้นทุกคนต้องงดน้ำงดอาหารตั้งแต่เที่ยงคืนก่อนถึงเช้าวันศึกษา  ทุกคนต้องรับประทานยาตามตารางดังนี้ วันที่ 1 ดื่มน้ำ  (กลุ่มควบคุม) เก็บปัสสาวะ ไม่รับประทานยา  วันที่ 2 รับประทานสารสกัดน้ำ freeze dried ของขลู่ ขนาด 3.6 กรัม ที่บรรจุในแคปซูล 12 แคปซูล (แคปซูลละ 300 มก.)  และเก็บปัสสาวะ วันที่ 3 หยุดพัก  วันที่ 4 รับประทานยาขับปัสสาวะ HCTZ ขนาด 50 มก. ซึ่งเป็นตัวควบคุมและเปรียบเทียบ และเก็บปัสสาวะ  พบว่าปริมาตรปัสสาวะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มที่ได้รับยาไฮโดรคลอโรไธอะไซด์ โดยมีการขับปัสสาวะมากกว่ากลุ่มที่ได้รับสารสกัดขลู่   นอกจากนี้ยังพบว่า อาสาสมัคร 8 คน หรือ 53และคนไข้ 7 คน หรือ  23% เป็นผู้ที่ให้ผลตอบสนองต่อการขับปัสสาวะของสารสกัดขลู่  และเช่นเดียวกันกับ 87% ของอาสาสมัคร และ 67% ของคนไข้ที่ให้ผลตอบสนองต่อ HCTZ  และผู้ที่อายุ 31-40 ปี ได้ผลดีกว่าผู้ที่มีอายุมากกว่า  จากการศึกษานี้สรุปได้ว่าสารสกัดขลู่มีสรรพคุณเป็นยาขับปัสสาวะแต่น้อยกว่ายาแผนปัจจุบัน HCTZ (7)

          จากการศึกษางานวิจัยของขลู่ทั้งหมดดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นจะเห็นได้ว่า ขลู่มีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะได้ดีระดับหนึ่ง แต่ดีไม่เท่ากับยาแผนปัจจุบัน hydrochlorothiazide 

6.  อาการข้างเคียง

     ยังไม่มีรายงาน

 

7.  การทดสอบความเป็นพิษ

          พิษเฉียบพลัน

          สารสกัดขลู่ (ไม่ระบุตัวทำละลาย) เมื่อป้อนให้หนูแรท พบว่าขนาดที่มีผลทำให้หนูตายครึ่งหนึ่ง (LD50) มีค่ามากกว่า 5 ก./กก. (5)

    

8. วิธีการใช้

     8.1 ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข (สาธารณสุขมูลฐาน)

          ใช้เป็นยาแก้อาการขัดเบา วันละ 1 กำมือ (สดหนัก 40 - 50 กรัม แห้งหนัก 15 - 20 กรัม) หั่นเป็นชิ้นๆ ต้มกับน้ำดื่ม วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหารครั้งละ 1 ถ้วยชา (หรือ 75 มิลลิลิตร)        

     8.2 ยาจากสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ

          ไม่มี

 

 

 

เอกสารอ้างอิง

1.   ก่องกานดา ชยามฤต. สมุนไพรไทย ตอนที่ 4. กรุงเทพฯ: หจก. ชุติมาการพิมพ์, 2528:515 หน้า.

2.   นันทวัน บุณยะประภัศร  อรนุช  โชคชัยเจริญพร (บรรณาธิการ).  สมุนไพรไม้พื้นบ้าน เล่ม 1.  กรุงเทพ : บริษัทประชาชน จำกัด., 2539 : 895 หน้า.

3.   O. Suriyaphan. Nutrition, health benefits and applications of Pluchea indica (L.) Less  leaves. Mahidol Univ J Pharm Sci 2014; 41(4):1-10.

4.   Uchiyama T, Miyase T, Ueno A, Usmanghani K.  Terpenic glycosides from Pluchea indica.

     Phytochem 1989;28(12):3369-72.

5.  นันทพร นิลวิเศษ วัลลา วามนัฐจินดา บุญสม วรรณวีรกุล และคณะ.  การศึกษฤทธิ์ขับปัสสาวะของขลู่ Pluchea indicaวารสารเภสัชวิทยา 1989;11:1-7.

6.   กรองทอง ยุวถาวร และคณะ. การศึกษาผลทางเภสัชวิทยา และประสิทธิภาพในการรักษาโรคของยาฟ้าทะลายโจร และยาสกัดจากขลู่.   รวมบทคัดย่องานวิจัยการแพทย์แผนไทยและทิศทางการวิจัยในอนาคตสถาบันการแพทย์แผนไทย 2543:238-40. 

7.  วีระสิงห์ เมืองมั่น อำนวย ถิฐาพันธ์ กรองทอง ยุวถาวร และคณะการศึกษาฤทิ์ขับปัสสาวะของยาที่ เตรียมจากขลู่ในคน (A study on diuretic effects of Pluchea indica in man). Urology 1998 :1-15.