พลู |
ชื่อวิทยาศาสตร์ Piper betle L.
ชื่อวงศ์ PIPERACEAE
ชื่อพ้อง -
ชื่ออังกฤษ -
ชื่อท้องถิ่น เปล้าอ้วน ซีเก๊ะ (มลายู-นราธิวาส) พลูจีน (ภาคกลาง) (1)
2. ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
พลูเป็นไม้เถาเลื้อย ทุกส่วนมีกลิ่นหอมเฉพาะ มีข้อและปล้องชัดเจน ใบเดี่ยวติดกับลำต้นแบบสลับ รูปร่างคล้ายใบโพธิ์ ปลายแหลม หน้าใบมันขอบใบเรียบ ใบยาว 10-13 ซม. ออกดอกรวมกันเป็นช่อแน่น ช่อดอกรูปทรงกระบองเพชรขนาดเล็ก (1)
3. ส่วนที่ใช้เป็นยาและสรรพคุณ
- ใบสด รสเผ็ด เป็นยาฆ่าแมลง ขับลม แก้ลมพิษ ใช้ทาปูนแดงรับประทานกับหมาก (1)
4. สารสำคัญ
ใบพลูมีน้ำมันหอมระเหย (essential oil) ซึ่งประกอบด้วยสาร eugenol, chavibetol, chavicol, cineol, carvacrol, caryophyllene, และสาร b-sitosterol, allylpyrocatechol, hydroxychavicol, piperbetol, ethylpiperbetol, piperol A และ piperol B เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีกรด วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก ไอโอดีน และฟลูโอไรด์ และมีฤทธ์ทางเภสัชวิทยาที่สำคัญ เช่น ฤทธิ์ต้านเชื้อจุลชีพ ต้านอักเสบ และต้านอนุมูลอิสระ เป็นต้น (1-4)
5. ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
5.1 ฤทธิ์ต้านเชื้อจุลชีพ
สาร hydroxychavicol ที่แยกได้จากพลูมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย Escherichia coli ผ่านกลไกการทำลาย DNA และยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์ (5) สารสกัดน้ำของพลู ที่เตรียมในรูปแบบ Piper betle-based synthesized silver nanoparticles มีฤทธิ์ยับยั้ง quorum sensing ของแบคทีเรียซึ่งเป็นระบบที่แบคทีเรียใช้ในการควบคุมการแสดงออกของยีนที่เกี่ยวข้องกับการก่อโรค โดยพบว่ามีฤทธิ์ลดการควบคุมการทำงานของยีนในแบคทีเรีย Proteus mirabilis และ Serratia marcescens ซึ่งเป็นแบคทีเรียก่อโรคในระบบทางเดินปัสสาวะ (uropathogens) (6) สาร hydroxychavicol และ eugenol ที่แยกได้จากสารสกัดเมทานอลของใบพลู มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย (7) สารสกัดเอธิลอะซีเตทของพลูมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อ Vibrio harveyi (8) สารสกัดเอทานอลของใบพลูมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียดื้อยา (multidrug-resistant; MDR) ได้แก่ แบคทีเรียแกรมบวก (Gram-positive) methicillin-resistant Staphylococcus aureus และvancomycin-resistant Enterococcus และแบคทีเรียแกรมลบ (Gram-negative) ได้แก่ carbapenem-resistant Enterobacteriaceae-Klebsiella pneumoniae และ metallo-β-lactamase-producing Acinetobacter baumannii (9) สารสกัดเมทานอล สารสกัดเอทานอล และสารสกัดด้วยของไหลวิกฤตยวดยิ่งด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (supercritical CO2) ของพลู มีฤทธิ์ยับยั้งแบคทีเรียดื้อยาทั้งชนิดแกรมบวกและแกรมลบ (10) สารเมทาบอไลต์ของสาร phytol ที่แยกได้จากสารสกัดเอธิลอะซีเตทของพลูมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย S. marcescens ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียก่อโรคในโรงพยาบาล (nosocomial pathogen) (11) สารสกัดหยาบเอทานอลของพลูมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก ได้แก่ Candida albicans DMST 8684, C. albicans DMST 5815, Streptococcus gordonii DMST 38731 และ Streptococcus mutans DMST 18777 (12) น้ำมันหอมระเหยของพลูมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อรา (13)
5.2 ฤทธิ์ต้านอักเสบ
สารสกัดเมทานอลจากใบพลูมีฤทธิ์ต้านอักเสบ จากการทดสอบด้วยวิธี carrageenan-induced hind paw edema model นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์แก้ปวด (analgesic activity) จากการทดสอบด้วยวิธี hot plate, writhing และ formalin tests (14)
5.3 ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
สารสกัดเมทานอลจากใบพลูมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ จากการทดสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ DPPH (1,1-diphenyl-2-picrylhydrazyl), เปอร์ออกซิไนไตรท์ (peroxynitrite: ONOO-), และฤทธิ์ต้านอนุพันธ์ออกซิเจนที่ว่องไว (reactive oxygen species) โดยรวม (total ROS scavenging) มีค่า IC50 เท่ากับ 16.33±1.02, 25.16±0.61 และ 41.72±0.48 มคก./มล. ตามลำดับ (14) สาร hydroxychavicol, eugenol, isoeugenol และ allylpyrocatechol 3,4-diacetate ที่สกัดจากพลูแห้งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (15) สารสกัดเอทานอลจากใบพลูมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในเม็ดเลือดแดงที่แยกได้จากผู้ป่วยโรคด่างขาว (vitiligo) (16) การทดสอบในหนูชรา พบว่าสารสกัดน้ำของพลูมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ส่งผลในการปกป้องเซลล์ ผ่านกลไกการส่งสัญญาณ nuclear factor erythroid 2-related factor 2 (Nrf2)/ARE pathway (17)
5.4 ฤทธิ์ยับยั้งทำงานของเอนไซม์ cholinesterase
สารสกัดน้ำและสารสกัดเอทานอลจากใบพลูมีฤทธิ์ยับยั้งทำงานของเอนไซม์ acetyl- และ butyrylcholinesterase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ทำลายสารสื่อประสาทในสมอง acetylcholine (18)
5.5 ฤทธิ์ปกป้องระบบทางเดินอาหาร
การทดลองให้สารสกัดน้ำและสารสกัดเอทานอลจากพลู ทางปาก แก่หนูแรทที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร พบว่าสารสกัดพลูมีฤทธิ์ปกป้องระบบทางเดินอาหาร โดยเพิ่มปริมาณเมือก (mucus) และลดการเกิดกรดในกระเพาะอาหาร (19)
5.6 ฤทธิ์ในการสมานแผล
สารสกัดเมทานอลจากใบพลูมีฤทธิ์เพิ่มการแบ่งตัวของเซลล์ fibroblast NIH3T3 และมีผลในการสมานแผลในหลอดทดลองและสัตว์ทดลอง ทั้งแผลไหม้ (burn wound) และแผลที่ถูกตัด (excision wound) (20)
5.7 ฤทธิ์ไล่ยุง
น้ำมันหอมระเหยจากสารสกัดหยาบจากใบพลูมีฤทธิ์ทำลายลูกน้ำ (larvicidal) ยับยั้งการวางไข่ (ovipositional) และมีฤทธิ์ในการไล่ยุงลายบ้าน (Aedes aegypti) (21)
5.8 ฤทธิ์ต่อภาวะอ้วน
การทดลองให้หนูแรทที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดภาวะอ้วนด้วยการกินอาหารไขมันสูง ร่วมกับสารสกัดเอทานอลใบพลูในขนาด 100 และ 500 มก./กก. เป็นเวลานาน 4 สัปดาห์ เปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้รับอาหารร่วมกับน้ำเปล่า ผลการทดสอบพบว่าสารสกัดจากใบพลูมีฤทธิ์ยับยั้งการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัวของหนูที่มีภาวะอ้วนได้ (22)
6. อาการข้างเคียง
-
7. การทดสอบความเป็นพิษ
สารสกัดอีเทอร์และยาเตรียมขี้ผึ้งจากใบ มีค่า LD50 เท่ากับ 3.22 ก./กก. เมื่อทดลองในหนูถีบจักร (23) มีรายงานว่าผู้หญิงที่เคี้ยวหมากพลูเป็นประจำ มีผลทำให้เซลล์ปากมดลูกผิดปกติ (uterine cervical dysplasia) (24) นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้ป่วยที่เกิดอาการผิดปกติของเม็ดสี (leukomelanosis) เมื่อใช้เครื่องแต่งหน้า (facial dressing) ที่มีใบพลูเป็นส่วนประกอบ (25) ทดสอบความเป็นพิษเมื่อฉายแสง (phototoxicity) ของขี้ผึ้งพลู 4% ซึ่งทำจากสารสกัดใบพลูด้วยอีเทอร์ใน modified polyethylene glycol ointment ต่อผิวหนังหนูตะเภา ไม่พบผื่นแดงหรืออาการระคายเคืองใดๆ ทั้งก่อนฉายและหลังฉายแสงอุลตราไวโอเล็ต (26) ขณะที่ยาเตรียมขี้ผึ้งใบพลูที่ใช้ base เป็น hydrophilic petrolatum จะเป็นพิษต่อผิวหนังหนูตะเภา โดยมีสีแดงเด่นชัด (23)
ทดสอบความเป็นพิษเฉียบพลันในหนูถีบจักรเพศเมีย และการทดสอบความเป็นพิษเรื้อรังในหนูขาวทั้งสองเพศ โดยใช้สารสกัดใบพลูที่สกัดด้วยเทคนิคของไหลวิกฤตยวดยิ่งด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยใช้เอทานอลเป็นตัวทำละลายร่วม ผลการทดสอบความเป็นพิษเฉียบพลัน โดยป้อนสารสกัดขนาด 300 และ 2,000 มก./กก. ไม่พบอาการความเป็นพิษแบบเฉียบพลันใดๆ ส่วนผลทดสอบพิษเรื้อรังพบว่าสารสกัดขนาด 3, 30 และ 300 มก./กก./วัน ไม่ส่งผลต่ออาการป่วยเนื่องจากพิษสะสม การเจริญเติบโตและการกินอาหาร อีกทั้งยังไม่พบการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักอวัยวะ และค่าโลหิตวิทยาต่างๆ แต่พบการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของระดับโซเดียม คลอไรด์ แคลเซียม และฟอสฟอรัสในซีรั่ม ตามขนาดสารสกัดที่เพิ่มขึ้นในหนูทั้งสองเพศ และพบการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยของเอนไซม์ alanine aminotransferase (ALT) ในหนูเพศเมียกลุ่ม recovery (ได้รับสารสกัดใบพลูที่แขวนตะกอนในสารละลาย 1.0% tragacanth ขนาด 300 มก./กก./วัน ทุกวันติดต่อกันเป็นเวลา 180 วัน จากนั้นหยุดการให้สารละลาย 2 สัปดาห์ เพื่อศึกษาถึงการหายของความผิดปกติหากเกิดขึ้นมาระหว่างการทดสอบ) และการอักเสบเล็กน้อยที่ตับในหนูเพศเมียที่ได้รับสารสกัด 300 มก./กก./วัน และในกลุ่ม recovery ดังนั้นการน้ำสารสกัดใบพลูมาใช้ในผลิตภัณฑ์อาหารและยาอย่างต่อเนื่อง จึงควรเฝ้าระวังสมดุลของระบบอิเล็กโทรไลต์และการทำางานของตับ (27)
8. วิธีการใช้
8.1 ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข (สาธารณสุขมูลฐาน)
1. เป็นยารักษาอาการแพ้ อักเสบ แมลงกัดต่อย ได้ผลดีกับอาการแพ้ลักษณะลมพิษ โดยเอาใบ 1-2 ใบ ตำให้ละเอียดผสมกับเหล้าขาว ทาบริเวณที่เป็น ห้ามใช้กับแผลเปิดจะทำให้เกิดการระคายเคือง
2. ใช้รักษาโรคกลากเกลื้อน โดยนำใบพลูสดมาล้างให้สะอาด ตำละเอียดผสมแอลกอฮอล์ หรือเหล้าขาว คั้นน้ำทาบริเวณที่เป็นอย่างน้อย วันละ 4-5 ครั้ง จนกว่าจะหาย (1)
8.2 ยาจากสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ
ยาทิงเจอร์พลู ยาทิงเจอร์ (รพ.)
ตัวยาสำคัญ สารสกัดเอทิลแอลกอฮอล์ (70 เปอร์เซ็นต์) ของใบพลูสด (Piper betle L.) ร้อยละ 50 โดย น้ำหนักต่อปริมาตร (w/v)
ข้อบ่งใช้ บรรเทาอาการผิวหนังอักเสบ อาการอักเสบจากแมลง กัด ต่อย
ขนาดและวิธีใช้ ทาบริเวณที่มีอาการ วันละ 2 ครั้ง เช้า เย็น
ข้อห้ามใช้ - ห้ามทาบริเวณขอบตาและเนื้อเยื่ออ่อน
- ห้ามทาบริเวณผิวหนังที่มีบาดแผลหรือมีแผลเปิด
อาการไม่พึงประสงค์ เมื่อทาติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้ผิวหนังเป็นสีดำ แต่เมื่อหยุดยาแล้วอาการจะหายไป (28)
เอกสารอ้างอิง
1. ปจจุบัน เหมหงษา, พรรณี ลิ้มสวัสดิ์, รุจินาถ อรรถสิษฐ, อรุณลักษณ รัตนสาลี, บรรณาธิการ. สมุนไพรในงานสาธารณสุขมูลฐาน. พิมพครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: สํานักงานคณะกรรมการการสาธารณสุขมูลฐาน; 2542.
2. Haslan H, Suhaimi FH, Thent ZC, Das S. The underlying mechanism of action for various medicinal properties of Piper betle (betel). Clin Ter. 2015;166(5):208-14.
3. Das S, Parida R, Sandeep IS, Nayak S, Mohanty S. Biotechnological intervention in betel vine (Piper betle L.): A review on recent advances and future prospects. Asian Pac J Trop Med. 2016;9(10):938-46.
4. Lee CY, Nurul Zaidah AS, Nur Amalina G, Muhammad Azree E, Das S, Zar CT. A review of the use of Piper betel in oxidative stress disorders. Clin Ter. 2014;165(5):269-77.
5. Singh D, Narayanamoorthy S, Gamre S, Majumdar AG, Goswami M, Gami U, et al. Hydroxychavicol, a key ingredient of Piper betle induces bacterial cell death by DNA damage and inhibition of cell division. Free Radic Biol Med. 2018;120:62-71.
6. Srinivasan R, Vigneshwari L, Rajavel T, Durgadevi R, Kannappan A, Balamurugan K, et al. Biogenic synthesis of silver nanoparticles using Piper betle aqueous extract and evaluation of its anti-quorum sensing and antibiofilm potential against uropathogens with cytotoxic effects: An in vitro and in vivo approach. Environ Sci Pollut Res Int. 2018;25(11):10538-54.
7. Syahidah A, Saad CR, Hassan MD, Rukayadi Y, Norazian MH, Kamarudin MS. Phytochemical analysis, identification and quantification of antibacterial active compounds in betel leaves, Piper betle methanolic extract. Pak J Biol Sci. 2017;20(2):70-81.
8. Srinivasan R, Santhakumari S, Ravi AV. In vitro antibiofilm efficacy of Piper betle against quorum sensing mediated biofilm formation of luminescent Vibrio harveyi. Microb Pathog. 2017;110:232-9.
9. Valle DL Jr, Puzon JJ, Cabrera EC, Rivera WL. Thin layer chromatography-bioautography and gas chromatography-mass spectrometry of antimicrobial leaf extracts from Philippine Piper betle L. against multidrug-resistant bacteria. Evid Based Complement Alternat Med. 2016;2016:4976791.
10. Valle DL Jr, Cabrera EC, Puzon JJ, Rivera WL. Antimicrobial activities of methanol, ethanol and supercritical CO2 extracts of Philippine Piper betle L. on clinical isolates of gram positive and gram negative bacteria with transferable multiple drug resistance. PLoS One. 2016;11(1):e0146349.
11. Srinivasan R, Devi KR, Kannappan A, Pandian SK, Ravi AV. Piper betle and its bioactive metabolite phytol mitigates quorum sensing mediated virulence factors and biofilm of nosocomial pathogen Serratia marcescens in vitro. J Ethnopharmacol. 2016;193:592-603.
12. Valle DL Jr, Cabrera EC, Puzon JJ, Rivera WL. Potential of Piper betle extracts on inhibition of oral pathogens. Drug Discov Ther. 2017;11(6):307-15.
13. Wirasuta IMAG, Srinadi IGAM, Dwidasmara IBG, Ardiyanti NLPP, Trisnadewi IGAA, Paramita NLPV. Authentication of Piper betle L. folium and quantification of their antifungal-activity. J Tradit Complement Med. 2016;7(3):288-95.
14. Alam B, Akter F, Parvin N, Sharmin Pia R, Akter S, Chowdhury J. Antioxidant, analgesic and anti-inflammatory activities of the methanolic extract of Piper betle leaves. Avicenna J Phytomed. 2013;3(2):112-25.
15. Ali A, Chong CH, Mah SH, Abdullah LC, Choong TSY, Chua BL. Impact of storage conditions on the stability of predominant phenolic constituents and antioxidant activity of dried Piper betle extracts. Molecules. 2018;23(2).pii:E484.
16. Mitra S, Pati AK, Manna A, Ghosh A, Sen S, Chatterjee S. A study of the free radical scavenging effects of Piper betle leaf extract in patients with vitiligo. Indian J Dermatol Venereol Leprol. 2017;83(1):40-6.
17. Aliahmat NS, Abdul Sani NF, Wan Hasan WN, Makpol S, Wan Ngah WZ, Mohd Yusof YA. Piper betle induced cytoprotective genes and proteins via the Nrf2/ARE pathway in aging mice. J Nutrigenet Nutrigenomics. 2016;9(5-6):243-53.
18. Ferreres F, Oliveira AP, Gil-Izquierdo A, Valentão P, Andrade PB. Piper betle leaves: profiling phenolic compounds by HPLC/DAD-ESI/MS(n) and anti-cholinesterase activity. Phytochem Anal. 2014;25(5):453-60.
19. Arawwawala LD, Arambewela LS, Ratnasooriya WD. Gastroprotective effect of Piper betle Linn. leaves grown in Sri Lanka. J Ayurveda Integr Med. 2014;5(1):38-42.
20. Lien LT, Tho NT, Ha DM, Hang PL, Nghia PT, Thang ND. Influence of phytochemicals in Piper betle Linn leaf extract on wound healing. Burns Trauma. 2015;3:23.
21. Vasantha-Srinivasan P, Thanigaivel A, Edwin ES, Ponsankar A, Senthil-Nathan S, Selin-Rani S, et al. Toxicological effects of chemical constituents from piper against the environmental burden Aedes aegypti Liston and their impact on non-target toxicity evaluation against biomonitoring aquatic insects. Environ Sci Pollut Res Int. 2018 ;25(11):10434-46.
22. Abdul Ghani ZD, Husin JM, Rashid AH, Shaari K, Chik Z. Biochemical studies of Piper betle L. leaf extract on obese treated animal using 1H-NMR-based metabolomic approach of blood serum samples. J Ethnopharmacol. 2016;194:690-7.
23. ลัดดาวัลย์ บุญรัตนกรกิจ และคณะ. ฤทธิ์ของขี้ผึ้งพลูต่อโรคผิวหนัง. การประชุมเสนอผลงานวิจัยคณะเภสัชศาสตร์ครั้งที่ 3, คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 14 พ.ย. 2527.
24. Chakrabarti RN, Dutta K, Ghosh K, Sikdar S. Uterine cervical dysplasia with reference to the betel quid chewing habit. Eur J Gynaecol Oncol. 1990;11(1):57-9.
25. Liao YL, Chiang YC, Tsai TF, Lee RF, Chan YC, Hsiao CH. Contact leukomelanosis induced by the leaves of Piper betle L. (Piperaceae): A clinical and histopathologic survey. J Amer Acad Dermatol. 1999;40(4):583-9.
26. ลัดดาวัลย์ บุญรัตนกรกิจ, สารี วิรุฬหผล, ประนอม โพธิยานนท์ และคณะ. ฤทธิ์ของขี้ผึ้งพลูต่อโรคผิวหนัง. วารสารไทยเภสัชสาร 2533;15(4):277-81.
27. มาสเกียรติ บุญยฤทธิ์, สุมณฑา วัฒนสินธุ์, เรวดี บุตราภรณ์ และคณะ. การศึกษาความเป็นพิษเฉียบพลันและพิษเรื้อรังของสารสกัดใบพลู (Piper betle L.). วารสารกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์. 2558;57(1):1-21.
28.
บัญชียาหลักแห่งชาต พ.ศ. 2561 [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2561]; จาก:
http://www.fda.moph.go.th/sites/drug/Shared%20Documents/New/nlem2561.PDF.