มะกรูด

 




ชื่อวิทยาศาสตร์         Citrus hystrix DC.

วงศ์                        Rutaceae

ชื่อพ้อง                    C. latipes Hook.f. & Thomson, C. papidia Miq, C. echinata St. Lag

ชื่ออื่นๆ                   โกร้ยเชียด มะขุน มะขู มะขูด สัมกรูด ส้มมั่วผี Leech lime, Mauritius  papeda

สารออกฤทธิ์            ไม่มีรายงานการวิจัย

 

ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาเกี่ยวกับการรักษาแผลบนศีรษะ และชันนะตุ

          1. ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย

          สารสกัดผิวมะกรูดด้วยอัลกอฮอล์ และน้ำ (1) และสารสกัดจากผิวมะกรูดด้วยเอทานอล (80%) ในความเข้มข้น 5 มก./แผ่น (2) ด้วยวิธี Disc diffusion พบว่าสามารถยับยั้งแบคทีเรียชนิด Staphylococcus aureus ได้ ในขณะที่น้ำมันหอมระเหยจากผิวมะกรูด ด้วยความเข้มข้น 0.5 มก./แผ่น ไม่สามารถยับยั้งเชื้อ S. aureus (2)

            2. ฤทธิ์ต้านเชื้อรา

          สารสกัดน้ำของใบมะกรูด ในอัตราส่วนของความเข้มข้น 1:10, 1:50, 1:500 ทำการทดสอบด้วยวิธี disc agar diffusion มีฤทธิ์ต้านเชื้อรา Trichophyton mentagrophytes ได้เพียงเล็กน้อย คือ 38, 26 และ 11% ตามลำดับ และสารสกัดเดิมในอัตราส่วนความเข้มข้น 1:50 และ 1:500 พบว่าสามารถต้านเชื้อรา Microsporum gypseum ได้เล็กน้อยเช่นกัน คือ 25 และ 17% ตามลำดับ (3)

3. ฤทธิ์ช่วยปรับสภาพเส้นผม

น้ำมันหอมระเหยจากผลมะกรูด เช่น b-pinene (30.6%), limonene (29.2%), sabinene (22.6%), citronellal (4.2%) และน้ำคั้นจากผล ซึ่งมีวิตามินต่างๆ และกรดซิตริก (2.56%) เมื่อผสมลงในผลิตภัณฑ์ครีมปรับสภาพเส้นผม โดยเปรียบเทียบกับสารเคมี alpha hydroxy acids (AHAs) พบว่าช่วยปรับสภาพเส้นผมให้ดีขึ้น (4)

         

หลักฐานความเป็นพิษและการทดสอบความเป็นพิษพ

            1. การทดสอบความเป็นพิษ

          สารสกัดผิวมะกรูดด้วยเอทานอล (95%) เมื่อป้อนให้หนูกินเพื่อศึกษาความเป็นพิษเฉียบพลัน พบว่าขนาดที่ทำให้สัตว์ทดลองตายเป็นจำนวนครึ่งหนึ่ง (LD50) มีค่ามากกว่า 100  ./กก. (5) สารสกัดใบด้วยเอทานอล:น้ำ (1:1) เมื่อป้อนให้กับหนูถีบจักรกินทางสายยางสู่กระเพาะอาหาร หรือฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนังขนาด 10./กก. พบว่าไม่ทำให้เกิดพิษ (6)

            2.  พิษต่อระบบสืบพันธุ์

          เมื่อป้อนสารสกัดผิวมะกรูดด้วยเอทานอล (95%) ให้กับหนูขาวที่ตั้งครรภ์ขนาด 1 และ 2.5 ./กก. ทางสายยางให้อาหารวันละ 2 ครั้ง พบว่าสามารถต้านการฝังตัวของตัวอ่อนได้ 42.5 ±14.8 และ 86.1±8.1% ตามลำดับ และมีผลทำให้แท้งได้ 86.3±9.6 และ 96.9±3.1% ตามลำดับ และสารสกัดผิวมะกรูดด้วยคลอโรฟอร์มเมื่อป้อนให้กับหนูที่ตั้งครรภ์ในขนาด 0.5 และ 1.0 ./กก. ทางสายยางให้อาหารวันละ 2 ครั้ง เช่นกัน พบว่าสามารถต้านการฝังตัวของตัวอ่อนได้ 34.4±14.3 และ 62.2±14.5% ตามลำดับ และมีผลทำให้แท้งได้ 62.2±14.5 และ 91.9± 5.5% (5)

            3.  ฤทธิ์ก่อมะเร็ง

          ใบมะกรูดเมื่อบดให้เป็นผงแล้วผสมในอาหาร ให้หนูขาวเพศผู้กินขนาด 10% ของอาหาร พบว่ามีผลทำให้เกิดมะเร็งที่เซลล์ตับ (7) มะกรูด (ไม่ระบุส่วนที่ใช้และขนาด) จะเสริมฤทธิ์ของสารก่อมะเร็ง MeIQx ในการทำให้เกิดมะเร็งตับ (8)

            4.  พิษต่อเซลล์

          สารสกัดใบด้วยเมทานอล ทำการทดสอบกับเซลล์ ด้วยความเข้มข้น 20 มคก./มล. พบว่ามีพิษต่อ Cells-Raji (9) น้ำมันหอมระเหย (ไม่ระบุส่วนที่ใช้และขนาด) เป็นพิษต่อเซลล์ CEM-SS (10)

            5.  ฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์

          สารสกัดใบด้วยน้ำ และน้ำร้อน ทำการทดสอบในจานเพาะเลี้ยงเชื้อ ด้วยความเข้มข้น 0.5 มล./จาน พบว่าไม่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ต่อเชื้อ Bacillus subtilis H-17 (Rec+) และ B. subtilis M-45 (Rec-) (11)

 

          จากการทดลองพบว่ามะกรูดสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราได้ ประกอบกับโบราณใช้สระผม จึงน่าจะช่วยรักษาชันนะตุได้

 

เอกสารอ้างอิง

1.       กอบกุล เฉลิมพันธ์ชัย ดวงชัย บำเพ็ญบุญ ธิดา โตจิราการ และคณะ.  ตำรับยาสมุนไพรที่มีฤทธิ์ทำลายจุลินทรีย์.  รวมบทคัดย่องานวิจัยการแพทย์แผนไทยและทิศทางการวิจัยในอนาคต สถาบันการแพทย์แผนไทย, 2543.

2.       รุ่งระวี เต็มศิริฤกษ์กุล พร้อมจิต ศรลัมพ์ ธิราภา แสนเสนา และคณะ.  ฤทธิ์ต้านเชื้อและต้านการก่อกลายพันธ์ของพืชตระกูลส้ม.  วารสารเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล 2537;21(1):7-15.

3.       รัตนา สินธุภัค อริยา ติรณะประกิจ อริยา จินดามพร และคณะ.  การยับยั้งการเจริญของเชื้อราที่ก่อโรคกลากด้วยสมุนไพรไทย.  วารสารวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ 2535;6(1): 10-20.

4.       Monosri A, Abe M and Manosroi J.  Hair care: fruitful parsuits.  An investigation into the effects of porcuine orange (Citrus hystrix DC) extracts in hair treatment.  สัมมนาวิชาการเทคโนโลยีชีวภาพเภสัชกรรม ครั้งที่ 2 ”การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ธรรมชาติเพื่อการแพทย์แผนไทย”, เชียงใหม่, 21-23 มิ.. 2543.

5.       Piyachaturawat P, Glinsukon T, Chanjarunee A.  Antifertility effect of Citrus hystrix DC.  J Ethnopharmacol 1985;13:105-10.

6.       Mokkhasmit M, Swatdimongkol K, Satrawaha P.  Study on toxicity of Thai medicinal plants.  Bull Dept Med Sci 1971;12(2/4):36-65.

7.       Tiwanwech D, Hirose M, Futakuchi M, Lin C, Thamavit W, Ito N, Shirai T.  Enhancing effects of Thai edible plants on 2-amino-3,8-dimethylimidazo (4,5-F) quinoxaline hepatocarcinogenesis in a rat medium-term bioassay.  Cancer Lett 2000;158(2):195-201.

8.       ดนัย ทิวาเวช, Hirose M, Futakuchi M, วิทยา ธรรมวิทย์, Ito N, Shirai T.  ฤทธิ์เสริมการเกิดมะเร็งตับของข่า กระชาย และมะกรูด ในหนูที่ได้รับสารก่อมะเร็ง 2-amino-3,8-dimethylimidazo(4,5-ƒ)quinoxaline (MeIQx).  การประชุมวิชาการ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ครั้งที่ 11 “ วิทยาศาสตร์การแพทย์ไทยกับกติกาใหม่ของโลก ” กรุงเทพฯ, 9-11 ตุลาคม 2543:33

9.       Murakami A, Kondo A, Nakamura Y, Ohigashi H, Koshimizu K.  Possible anti-tumor promoting properties of edible plants from Thailand, and identification of an active constituent, cardamonin of Boesenbergia pandurata.  Biosci Biotech Biochem 1993; 57(11):1971-3.

10.    Taufiq-Yap YH, Peh TH, Ee GCL, Ali AM, Rahmani M, Sukari MA, Muse R.  Chemical variability and some biological activities of leaf essential oils from five species of Malaysian Citrus.  Oriental Journal of Chemistry 2001;17(3);387-90.

11.    Ungsurungsie M, Suthienkul O, Paovalo C.  Mutagenicity screening of popular Thai spices.  Food Chem Toxicol 1982;20:527-30.