สมุนไพรที่ใช้รักษาโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา

 

โรคติดเชื้อราที่ผิวหนัง (superficial and cutaneous mycoses) ในผู้ป่วยโรคเอดส์จะมีอาการทางคลินิกที่รุนแรงกว่าในคนปกติ และมีอุบัติการณ์กลับเป็นซ้ำสูงกว่าคนปกติ  ซึ่งเชื้อราที่ก่อโรคผิวหนังในผู้ป่วยโรคเอดส์ที่พบในประเทศไทยได้แก่

            1. Candida

          เป็นราก่อโรคที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้ป่วยโรคเอดส์ โดยสามารถก่อโรคได้ทั้งที่ผิวหนังและที่อวัยวะภายใน สายพันธุ์ที่สำคัญที่สุดในการก่อโรคได้แก่ C. albicans การติดเชื้อนี้ที่ผิวหนังมักเป็นที่บริเวณรอยพับ เช่น ขาหนีบ ง่ามก้น รักแร้  โดยลักษณะทางคลินิกจะเริ่มด้วยการเป็นตุ่มอักเสบเล็กๆ สีแดงหลายๆ เม็ด ต่อมาตุ่มนี้จะกลายเป็นหนองแล้วแตกออกเป็นแผลตื้นๆ และมีฝ้าสีขาวของผิวหนังที่ตายติดอยู่ นอกจากนี้ยังพบการติดเชื้อชนิดเรื้อรังที่ผิวหนังและเยื่อบุซึ่งจะพบในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำ  โดยเชื้อจะลุกลามไปทั่วร่างกาย  ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยถึงแก่ชีวิตได้  การรักษาในปัจจุบัน มีการรักษาทั้งทาง systemic และ topical ตัวอย่างยาที่ใช้รักษา เช่น clotrimazole, ketoconazole, itraconazole, fluconazole, amphotericin B (IV)  ปัจจุบันยังมีผู้ใช้ lymphocyte transfer factor และการปลูกถ่ายเม็ดเลือดขาวทางเลือดหรือไขกระดูกด้วย

            2. Malassezia

          สายพันธุ์ที่พบว่าก่อให้เกิดโรคในคนมากที่สุดคือ M. furfur  ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเกลื้อน (pityriasis vesicolor) รอยโรคมีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ อยู่รอบๆ ขุมขน หรือเป็นวงมีสีต่างๆ กัน เช่น ขาว ชมพู น้ำตาล มักพบบริเวณแก้ม คาง หน้าอก หลัง หรือในร่มผ้า เช่น รักแร้ ต้นขา ก้น  ผู้ป่วยโรคเกลื้อนมักไม่มีอาการ ส่วนน้อยที่มีอาการคัน  การรักษา มีทั้งยาทาภายนอกและยารับประทาน  ยาทาภายนอก เช่น salicylic acid ซึ่งจะช่วยให้ผิวหนังชั้นนอกสุดหลุดลอกออก ยาทากลุ่ม imidazole ยาที่สลายตัวเป็นซัลไฟด์  ส่วนยารับประทาน เช่น keto-conazole 200-400 มก./วัน เป็นเวลา 2-4 สัปดาห์  นอกจากนี้ผู้ป่วยควรรักษาสุขอนามัย อาบน้ำชำระร่างกายให้สม่ำเสมอด้วย                                                                                    

            3. Dermatophytes  หรือเชื้อกลาก

            เป็นเชื้อราที่สามารถย่อย keratin แล้วนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์และสามารถก่อโรค มักพบบริเวณ ผม ขน เล็บ ผิวหนัง ในคนและสัตว์ เชื้อกลากสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม

          a)  กลุ่มที่มีการติดเชื้อในคน (anthropophilic) เป็นเชื้อกลากที่จำกัดอยู่แต่ในคนไม่พบในสัตว์และตามพื้นดิน เมื่อก่อโรคอาการของโรคไม่รุนแรง แต่มักเป็นโรคเรื้อรังติดต่อจากคนไปสู่คน เชื้อที่พบทั่วไป เช่น Epidermophyton floccosum, Microsporum audouinii, Tricho
phyton mentagrophytes
 var. interdigitale, T. rubrum   เป็นต้น

          b) กลุ่มที่มีการติดเชื้อในสัตว์ (zoophilic) เชื้อกลากกลุ่มนี้พบได้ในสัตว์ เมื่อพลัดเข้ามาอยู่ในคน จะก่อให้เกิดอาการรุนแรง มีการอักเสบชัดเจน เชื้อที่พบทั่วไป เช่น M .canis, T. mentagrophytes var. mentagrophytes เป็นต้น

          c) กลุ่มที่อาศัยอยู่ในดิน (geophilic) เชื้อกลากกลุ่มนี้พบได้ตามพื้นดิน เชื้อที่พบทั่วไป เช่น  M. gypseum  เป็นต้น

          เชื้อกลากที่พบได้บ่อยๆ ในประเทศไทย คือ T. rubrum, T. mentagrophytes, E. floccosum, M. gypseum นอกจากนี้อาจพบ T. tonsurans, T. concentricum, M. audouinii, M. canis, T. violaceum  และ M. ferrugineum

          เชื้อกลากบางชนิดไม่ค่อยพบในคนปกติ แต่มักพบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคเอดส์ เช่น M. gypseum, M. canis หรือมีการติดเชื้อกลากหลายชนิดร่วมกัน เช่น T. rubrum, T. mentagro-phytes  และ M. gypseum                    ลักษณะอาการทางคลินิกมีทั้งชนิดเฉียบพลันซึ่งมีรอยโรคเป็นวง มีตุ่มหนองใส ผู้ป่วยมีอาการคันมาก ส่วนชนิดเรื้อรัง รอยโรคเป็นวงมีขอบเขตชัดเจน แต่ไม่มีตุ่มหนองใส คันไม่มาก ในผู้ป่วยโรคเอดส์โรคกลากที่ลำตัวมักกระจายทั่วตัว บางรายมีพยาธิสภาพลึกถึงชั้นหนังแท้ และบางรายพบปฏิกิริยาการอักเสบ  การรักษา ในรายที่รอยโรคไม่กว้างนัก จะใช้ยาทาภายนอก เช่น ขี้ผึ้ง Whitfield, tolnaftate, terbinafine, imidazole แต่ถ้าเป็นมาก รอยโรคกว้างหรือเป็นหลายตำแหน่งต้องใช้ยารับประทานร่วมด้วย ได้แก่ griseofulvin หรือ ketoconazole  เมื่อโรคหายแล้วควรให้ยาต่ออีก 2-4 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำของโรค ในผู้ป่วยโรคเอดส์จะมีกรดในกระเพาะอาหารลดลง ซึ่งจะลดการดูดซึม ketoconazole จึงควรให้ยาชนิดนี้เวลากระเพาะว่างพร้อมกับดื่มน้ำผลไม้ร่วมด้วย หรือเปลี่ยนไปใช้ fluconazole ซึ่งไม่ต้องการกรดในกระเพาะช่วยในการดูดซึม (1)

            4. เชื้ออื่นๆ

นอกจากเชื้อราที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีเชื้อราชนิดอื่นๆ ที่มีการก่อโรคที่ระบบอื่นและที่ผิวหนังในผู้ป่วยโรคเอดส์ เช่น Cryptococcus, Aspergillus  (1, 2)

 

เอกสารอ้างอิง                                                                                                                   

1.  ศมนีย์ ศุขรุ่งเรือง อังคณา ฉายประเสริฐ พรรณกร อิ่มวิทยา จุรี เจียรนัยศิลาวงศ์ ยงค์ รงรุ่งเรือง.  ราฉวยโอกาสในผู้ป่วยโรคเอดส์ ใน พิไลพันธ์ พุธวัฒนะ (บรรณาธิการ).  เอชไอวีและจุลชีพฉวยโอกาส. กรุงเทพฯ:อักษรสมัย, 2541:504 หน้า. 

2.      พรรณกร อิ่มวิทยา.  เชื้อราก่อโรคในคน.  กรุงเทพ:โรงพิมพ์สามัคคีสาร (ดอกหญ้า) จำกัด (มหาชน), 2538:363 หน้า.