1.  ชื่อสมุนไพร           กระเทียม 

          ชื่อวิทยาศาสตร์  Allium sativum L.

          ชื่อวงศ์           Alliaceae       

          ชื่อพ้อง           Languas galanga (Linn.) Stuntz.

          ชื่ออังกฤษ        Galic

          ชื่อท้องถิ่น        กระเทียมขาว  กระเทียมจีน  เทียม  ปะเซ้วา  หอมขาว  หอมเทียม  หัวเทียม

 

2.  ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

          พืชล้มลุก มีลำต้นใต้ดินเป็นหัวลักษณะกลมแป้น แต่ละหัวประกอบด้วย 6-10 กลีบ เปลือกนอกมีเยื่อสีขาวหรือม่วงอมชมพูหุ้มอยู่ 2-4 ชั้น ลอกออกได้ใบเดี่ยว รูปยาวแคบ แบน ปลายแหลม โคนใบแผ่เป็นแผ่นและเชื่อมติดกันหุ้มรอบใบอ่อนกว่าด้านใน ลักษณะคล้ายลำต้นเทียม ดอกช่อ ติดเป็นกระจุกที่ปลายก้าน ดอกย่อยมีกาบหุ้มเป็นจงอยยาว กลีบดอกมี 6 กลีบ รูปยาวแหลม สีขาวแต้มสีม่วง หรือขาวอมชมพู ผลขนาดเล็กเป็นกระเปาะสั้นๆ รูปไข่หรือค่อนข้างกลม มี 3 พู เมล็ดเล็ก สีดำ

 

3.  ส่วนที่ใช้เป็นยาและสรรพคุณ

          - หัวใต้ดิน        รักษาอาการแน่นจุกเสียด รักษากลาก เกลื้อน

 

4.  สารสำคัญที่เป็นสารออกฤทธิ์

          สารในกลุ่มสารประกอบกำมะถัน (organosulfur) ได้แก่  allicin, ajoene, methylajoene, dimethylajoene, allisatin, methylallyl thiosulfinates, dimethyl thiosulfinates, diallyl sulfide, diallyl disulfide, diallyl trisulfide, di(1-propenyl) sulfide, alkenyl disulfide, alkenyl trisulfide, S-allyl cysteine, allyl methyl sulfide, thiacremonone  และสารกลุ่มฟลาวานอยด์ ได้แก่ quercetin, isoquercitrin, reynoutrin, astragalin และ isorhamnetin 3-O-b-D-glucopyranoside (1-13)

 

5.  ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา

          5.1   ฤทธิ์ลดอาการแน่นจุกเสียด

                 ในประเทศอินเดียได้มีการทดลองให้สารสกัดกระเทียมด้วยบิวธานอลกับคนไข้ 30 คน ที่มีอาการท้องอืดท้องเฟ้อ พบว่าระงับอาการปวดท้องและขับลมได้ (14) เมื่อให้คนไข้ 29 รายรับประทานกระเทียมชนิดเม็ดในขนาด 0.64 กรัม วันละ 2 ครั้ง หลังอาหารกลางวันและเย็น เป็นเวลา 2 สัปดาห์ พบว่าสามารถขับลมและลดอาการจุกเสียด และคลื่นไส้หลังอาหารได้ดีทั้งอาการจุกเสียดแบบธรรมดา และการจุกเสียดจากอาการทางระบบประสาท  จากการถ่ายภาพรังสี (X-ray) พบว่ากระเทียมสามารถเพิ่มการบีบตัวเพื่อไล่อาหารของกระเพาะอาหาร และลำไส้เล็ก ทำให้เกิดการขับลม ซึ่งผู้วิจัยเรียกสารออกฤทธิ์เหล่านี้ว่า gastroenteric allechalcone (15)

          5.2   ฤทธิ์ขับน้ำดี

                 เมื่อรับประทานกระเทียมเข้าไป จะช่วยเพิ่มน้ำย่อยและน้ำดี (16)

          5.3   ฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้

                 สารสกัดกระเทียมด้วยแอลกอฮอล์รัอยละ 95 มีฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้กระต่าย (17, 18) น้ำสกัดกระเทียม ความเข้มข้น 0.1 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร (21) กระเทียมในอัตราส่วน 1:5 ขนาด 0.2 มิลลิลิตร  สามารถยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อเรียบลำไส้เล็กของหนูตะเภาที่ถูกเหนี่ยวนำด้วย acetylcholine, histamine และ barium chloride ได้  โดยความสามารถในการยับยั้งการหดตัวจะเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนกับขนาดของน้ำสกัดกระเทียมที่เพิ่มขึ้น  นอกจากนั้นยังมีผลลดการหดตัวแบบอัตโนมัติ (spontaneous contraction) ของกระเพาะกบส่วน pyrolus ด้วย (19) อย่างไรก็ตามสาร (E)-ajoene และ (Z)-ajoene ที่พบในกระเทียม มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ acetylcholinesterase ซึ่งมีหน้าที่ทำลาย acetylcholine เป็นผลให้ acetylcholine คงอยู่ที่ปลายประสาทได้นานขึ้น จึงอาจมีผลเพิ่มการบีบตัวของลำไส้ (20) แต่ไม่พบฤทธิ์ยับยั้งนี้เมื่อใช้สารสกัดด้วยเมทานอลจากหัว

          5.4   ฤทธิ์ลดการอักเสบ

                 การรับประทานกระเทียมชนิดแคปซูลจช่วยลดการอักเสบในผู้ป่วยโรคข้อรูมาติคส์ (rheumatic) จำนวน 30 คน (22อาจเนื่องจากสารสกัดกระเทียมมีฤทธิ์เพิ่มระดับไซโตไคน์ที่ต้านการอักเสบคือ interleukin-10 (IL-10)  ในการทดสอบโดยใช้เลือดของผู้ป่วยเป็นโรคลำไส้อักเสบ (Inflammatory bowel syndrome) พบว่าที่ขนาด 0.1 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร จะทำให้การสร้าง interleukin-12 (IL-12) ของ monocyte ลดลง และในขนาด  10 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร จะทำให้การสร้าง IL-10 ของ monocyte เพิ่มขึ้น แต่ลดการสร้าง TNF-a, IL-12, IL-6 และ IL-8 ของ monocyte และลดการสร้าง interferon-gamma (IFN-g), IL-2 และ TNF-a จาก T-helper cell (Th1 cell) (23)

                 กระเทียมยังมีผลลดเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการอักเสบในอาสาสมัครหญิงสุขภาพดี ที่ได้รับสารสกัดด้วยน้ำ-เอทานอลจากกระเทียม ขนาด 10 มิลลิลิตร/วัน นาน 3 เดือน พบว่าระดับ  prostaglandin E2 และ prostaglandin F2a  ในเลือดลดลง (24) มีการนำกระเทียมมาช่วยบรรเทาอาการอักเสบรักษาแผลในกระเพาะอาหาร และช่วยลดการแน่นจุกเสียดในผู้ป่วยที่เป็นโรคกระเพาะ (1, 25-29) 

                 ผงกระเทียมแห้ง สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ สารสกัดด้วยน้ำ และสารสกัดด้วยเอทานอล-น้ำ สามารถลดการบวมของอุ้งเท้าหนูได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อให้โดยฉีดเข้าช่องท้องและป้อนหนูแรทพบว่ามีฤทธิ์ลดการอักเสบของอุ้งเท้าหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดการอักเสบด้วย carrageenan ได้ (25, 29, 31) น้ำมันกระเทียม (32) สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์-น้ำ (33) และสาร allisatin จากกระเทียม (1) เมื่อป้อนให้หนูแรททางปาก สามารถลดการอักเสบของข้อที่ถูกเหนี่ยวนำให้อักเสบด้วย formaldehyde (1, 32, 33)  แต่สาร allisatin ไม่สามารถลดการอักเสบเรื้อรังในหนูแรทที่เกิดจาก granuloma pouch ได้ (1)  เมื่อทาสาร thiacremonone ที่บริเวณหูและอุ้งเท้าหนู พบว่าสามารถลดการอักเสบบวมในหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้อักเสบด้วย 12-O-tetradecanoylphorbol-13-acetate, carrageenan และ mycobacterium butyricum ได้  (34)

                 สารสกัดกระเทียมด้วยคลอโรฟอร์มและอะซิโตนและสารกลุ่มสารประกอบกำมะถันหลายชนิด มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ที่กระตุ้นการสร้างสารที่ทำให้เกิดการอักเสบได้แก่ เอนไซม์ lipoxygenase (2, 4, 8, 10) และ cyclooxygenase (3, 4, 7, 35) สารกลุ่มฟลาวานอยด์ที่พบในกระเทียมได้แก่ quercetin, isoquercitrin และ reynoutrin มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ lipoxygenase และ hyaluronidase (13)  สาร ajoene และ diallyl disulfide ออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ prostaglandin synthetase (2)  และยับยั้งการสร้าง prostaglandin E2 (3, 6, 7)  ส่วนที่มีการออกฤทธิ์ยับยั้งไซโตไคน์ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการอักเสบ ได้แก่  สารสกัดจากกระเทียม สาร diallyl sulfide และ diallyl disulfide สามารถยับยั้ง tumor necrosis factor-alpha (TNF-a), interleukin-1-beta (IL-1b) และ nuclear factor-kappa B (NF-kB) (6, 9, 36)  สาร allicin สามารถยับยั้ง CXCL12 ที่เป็นโมเลกุลยึดเหนี่ยวทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายของเม็ดเลือดขาว T cell ผ่าน fibronectin (FN) นอกจากนั้น allicin ยังยับยั้งการยึดติดของ T cell กับเซลล์ endothelium และยับยั้ง transendothelial migration (5)  นอกจากนี้ยังพบว่าสารสกัดจากกระเทียม. สาร diallyl sulfide, diallyl disulfide, allyl methyl sulfide, S-allyl cysteine และ thiacremonone มีฤทธิ์ลดการสร้าง nitric oxide (6, 7, 11, 34)  โดยยับยั้งเอนไซม์ inducible nitric oxide synthase (iNOS) (7, 11, 36)  และเพิ่มการทำลาย nitric oxide ในขณะที่สาร allyl methyl sulfide ออกฤทธิ์เพิ่มการกำจัด nitric oxide เพียงอย่างเดียว (7

                 น้ำมันกระเทียมสามารถยับยั้งการเคลื่อนที่ของ neutrophile-like cell ที่ถูกเหนี่ยวนำโดย IL-8 ทำให้มีฤทธิ์ต้านการอักเสบโดยยับยั้งการปรับเปลี่ยนรูปร่างของโครงสร้างภายในเซลล์ (assembly and disassembly of cytoskeleton) (35)

          5.5   ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและต้านการเกิดออกซิเดชัน

                 สารสกัดกระเทียมด้วยเมทานอลมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (37, 38)  สารสกัดกระเทียมมีฤทธิ์ลดการออกซิเดชันของไขมัน และกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ superoxide dismutase (12) สาร diallyl sulfide มีฤทธิ์ต้านการเกิดออกซิเดชันโดยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ที่ต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน ได้แก่ superoxide dismutase, catalase และ glutathione peroxidase ในเนื้อเยื่อปอด และเพิ่มระดับ glutathione ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในร่างกายตามธรรมชาติ (36) นอกจากนี้ยังสามารถกระตุ้นการสร้างเอนไซม์ที่ต้านการเกิด oxidative stress ได้แก่ heme oxygenase-1 (HO-1) และ ยับยั้ง CYP2E1 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างอนุมูลอิสระ (39)

          5.6   ฤทธิ์สมานแผล

                 เมื่อทาสารสกัดกระเทียมบนผิวหนังไก่ จะทำให้แผลหายเร็วขึ้น โดยพบว่ามีการสร้างเนื้อเยื่อบุผิวและคอลลาเจนใหม่ มีการเจริญของมัดเส้นใยคอลลาเจน และมีการสร้างเส้นเลือดใหม่ (40)

          5.7   ฤทธิ์ต้านเชื้อจุลชีพ

                 มีรายงานฤทธิ์ต้านเชื้อจุลชีพหลายชนิดของกระเทียม ทั้งเชื้อรา และแบคทีเรียดังนี้

                 5.7.1 ฤทธิ์ต้านเชื้อรา

                 กระเทียมมีฤทธิ์ต้านเชื้อราก่อโรคกลากที่ผิวหนัง ผม ขน ทั้งในคนและสัตว์ นอกจากนี้ยังสามารถต้านเชื้อราก่อโรคในช่องปาก ปอด และเยื่อหุ้มสมอง ดังต่อไปนี้

                 ครีม ajoene ซึ่งเป็นสารจากกระเทียมที่ความเข้มข้น ร้อยละ0.4% โดยน้ำหนัก  สามารถรักษาโรคกลากที่ง่ามนิ้วเท้าหรือฝ่าเท้า  (Tinea pedis) ในผู้ป่วยจำนวน 34 คน โดยผู้ป่วย 27 คน (ร้อยละ 79) มีอาการของโรคหายไปภายใน 7 วัน ที่เหลืออีก 7 คน (ร้อยละ 21) ต้องใช้เวลารักษาต่ออีกจึงจะหาย  และไม่พบการเกิดโรคซ้ำใน 90 วันหลังจากการรักษา (41)   เจล ajoene ความเข้มข้น ร้อยละ 0.6 ให้ผลรักษาโรคกลากที่ขาหนีบและตามลำตัว (Tinea crusis และ Tinea corporis)  ในการศึกษากับผู้ป่วยจำนวน 60 คน  ซึ่งให้ผลใกล้เคียงกับยาทา terbinafine ความแรง ร้อยละ เมื่อทำการติดตามผลในเวลา 30 วัน และ 60 วัน  (42)

                 ผงกระเทียมมีฤทธิ์ต้านเชื้อรา Aspergillus flavus ซึ่งเป็นเชื้อราที่ผลิตสารอะฟลาทอกซินได้ (43) น้ำมันกระเทียมมีฤทธิ์ต้านเชื้อราก่อโรคติดเชื้อในช่องปากและผิวหนังหลายชนิด ได้แก่ Candida albicans, Candida tropicalis, Blastoschizomyces capitatus, Epidermophyton floccosum, Microsporum canis, Microsporum gypseum, Rhizophus spp., Trichoderma spp., Trichophyton mentagrophytes, และ T. rubrum (44-46)

                 น้ำมันหอมระเหยจากกระเทียมมีฤทธิ์ต้านเชื้อราก่อโรคติดเชื้อในช่องปาก หูอักเสบ และผิวหนัง ได้แก่ Aspergillus niger, C. albicans, E. floccosum นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อราก่อโรคในพืชและสัตว์ ได้แก่ Fusarium oxysporum, Penicillium cyclopium, T. erinacei (47-50)

                 สารสกัดกระเทียมด้วยน้ำมีฤทธิ์ต้านเชื้อราก่อโรคในช่องปาก และกลากที่ผิวหนังและผมทั้งในคนและสัตว์ได้แก่ C. albicans, E. floccosum, M. canis, Microsporum audouinii,  M. gypseum, T. mentagrophytes, T. rubrum, T.  concentricum, T. semi, และ T. violaceum (44, 50, 51-59)

                 สารสกัดกระเทียมด้วยแอลกอฮอล์และที่ไม่ระบุตัวทำละลายมีฤทธิ์ต้านเชื้อราก่อโรคกลาก ได้แก่ E. floccosum, M. canis, M. gypseumT. mentagrophytes นอกจากนี้สารสกัดกระเทียม (ไม่ระบุตัวทำละลาย) ยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อราก่อโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบคือ Cryptococcus neoformans และเชื้อราก่อโรคกลากอื่นๆ ได้แก่ T. rubrum และ T. Violaceum (44, 48, 60)

                 สารสำคัญในกระเทียม ได้แก่ allicin, allyl sulfide, allyl disulfide มีฤทธิ์ต้านเชื้อราก่อโรคกลาก ได้แก่ T. erinacei, T. rubrum, T. soudanense (48) และ allicin ยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อราที่ทำให้ติดเชื้อในปอดคือ Aspergillus fumigatus (61) สาร alliin มีฤทธิ์ต้านเชื้อรา C. albicans และ Candida krusei (62) นอกจากนี้สาร alk(en)yl trisulfide, alk(en)yl tetrasulfide และ alk(en)yl dimethyl trisulfide มีฤทธิ์ต้านเชื้อรา Candida utilis (63)

                 5.7.2 ฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย

                 กระเทียมมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรคในทางเดินอาหาร ทางเดินปัสสาวะ และทางเดินหายใจหลายชนิด โดยกระเทียมสดและผงกระเทียมแห้งมีฤทธิ์ต้านเชื้อ Bacillus subtilis, Escherichia coli, Helicobacter pylori, Pseudomonas fluorescens, Salmonella typhi, Salmonella  typhimurium, Salmonella enterica, Staphylococcus aureus (64-73)

                 สารสกัดกระเทียมด้วยน้ำมีฤทธิ์ต้านเชื้อ Bacillus cereus, B. subtilis, E. coli, Enterobacter cloacae, Enterococcus faecalis, Salmonella anatum, S. enteritidis,  S. paratyphi B, S. typhi, S. typhimurium,  S. typhosa , Salmonella spp., Shigella flexneri, Sh. boydii, Sh. dysenteriae, Sh. sonnei , Shigella spp., Vibrio cholera, S. aureus, S. epidermis, Streptococcus mutans, S. pneumoniae, S. faecalis, S.  pyogenes,  Helicobacter pylori,  Haemophilus influenzae, Listeria monocytogenes,  Klebsiella pneumoniae, Porphyromonas gingivalis, Proteus vulgaris, Proteus spp., Pseudomonas aeruginosa,  Clostridium perfringens, Citrobacter freundii, Corynebacterium diphtheria และ Sarcina lutea (37, 51, 52, 74-104)

                 สารสกัดกระเทียมด้วยแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ต้านเชื้อ B. subtilis, E. coli, H. pylori, Klebsiella sp., Micrococcus sp., Mycobacterium tuberculosis, Listeria monocytogenes,  S. enteritidis,  S. typhi, S. typhimurium, S. typhosa , Sh. boydii, Sh. Flexneri, และ Sh. Sonnei (38, 82, 84, 95, 105-109)   

                 น้ำมันกระเทียมมีฤทธิ์ต้านเชื้อ B. cereus, B. subtilis, Citrobacter freundii, E. cloacae, E. faecalis, E. coli, H. pylori, K. pneumoniae, L. monocytogenes, P. vulgaris, P. aeruginosa, S. enterica,  S. typhimurium, Shigella sonnei, และ S. aureus (45, 47, 69, 73, 78, 79, 94, 97, 110-113) น้ำมันหอมระเหยจากกระเทียมมีฤทธิ์ต้านเชื้อ B. subtilis, E. coli, L. monocytogenes, P. vulgaris,  P. aeroginosa, S. enteritidis, S. enterica,  S. typhosa, Shigella paradysenteriae, Sh. sonnei , Vibrio comma, S. aureus, และ S. epidermis (47, 49, 97, 114-119) แผ่นฟิล์มที่มีน้ำมันกระเทียมมีฤทธิ์ต้านเชื้อ B. cereus และ S. aureus (120)

                 สารที่แยกได้จากกระเทียม ได้แก่ allicin, alliin, allistatin I, allistatin II, ajoenes, allyl-methyl thiosulfinate, methyl-allyl thiosulfinate, diallyl sulfide, diallyl disulfide, diallyl trisulfide, diallyl tetrasulfide, thiosulfinate, 2-propene-1-sulfinothioic acid S-(Z, E)-1-propenyl ester [AIIS(O)SPn-(Z, E)], 2-propenesulfinothioic acid S-methyl ester [AIIS(O)Sme], E-4,5,9-trithiadeca-1,7-diene-9-oxide (iso-E-10-devinylajoene, iso-E-10-DA), Alk(en)yl trisulfide และ Alk(en)yl tetrasulfide มีฤทธิ์ต้านเชื้อ B. cereus, B. subtilis,  E. coli, C. perfringens, H. pylori,  P. aeruginosa,  S. typhimurium, Sh. boydii, Sh. dysenteriae, Sh. Flexneri, V. cholera, E. cloacae, E. faecalis, L. monocytogenes, S. aureus, methicillin-resistant S. aureus, Staphylococcus spp. และ K. pneumonia (63, 69, 93, 94, 113, 121-135)

          5.8   ฤทธิ์ปกป้องตับ

                 สารสกัดจากหัวกระเทียม (136-138)  กระเทียมสดบดละเอียด (139) สารสกัดด้วยน้ำจากกระเทียม (140-143) สารแขวนลอยของกระเทียมผง (144) น้ำมันหอมระเหย (145) น้ำมันกระเทียม (146-151) ส่วนสกัดที่ไม่มีขั้วจากน้ำมันกระเทียม (148) กระเทียมชนิดเม็ด (152) และสารสำคัญบางชนิดในกระเทียม (145, 139, 153-164) สามารถป้องกันการทำลายตับจาก carbon tetrachloride (136, 145, 146, 148, 154, 159, 163), 1,2-dimethylhydrazine (153), galactosamine (145, 158), alcohol (146, 149, 151), acetaminophen (139, 144, 147, 157, 162), bromobenzene (138), 4-nitroquinoline 1-oxide (140), lipopolysaccharide (158), sodium nitrite (150), N-nitrosodiethylamine (164), arsenic (143), human cytomegalovirus (160), สารกำจัดศัตรูพืช sevin (152), concanavalin A (161), naphthalene (141) และจากการที่ถูกเหนี่ยวนำให้เป็นเบาหวานด้วย alloxan (142)  สารสำคัญในการออกฤทธิ์คือ alliin (145, 154), allicin (158, 161), ajoene (156, 157), diallyl disulfide (153, 159), diallyl trisulfide (159, 160), S-allyl structure ของสารประกอบ organosulfur (139), S-allyl cysteine (154, 162, 163), S-propyl cysteine (154, 162), S-allyl mercaptocysteine (145, 154, 155) และ S-methyl-mercaptocysteine (145)

                 การให้น้ำมันกระเทียมมีผลช่วยเสริมฤทธิ์สารหรือยาชนิดอื่น ได้แก่ dimethyl-4,4′-dimethoxy-5,6,5′,6′-dimethylene dioxybiphenyl-2,2′-dicarboxylate (146, 165), และ biphenyldimethyl dicarboxylate (166)  ในการลดการอักเสบของตับจากสาร carbon tetrachloride (146, 165), buthionine sulfoximine (165) และยา (166)

 

6.  อาการข้างเคียง

          อาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์เมื่อรับประทานกระเทียม คือ มีอาการร้อนในปากและทางเดินอาหาร คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย มีแผลในกระเพาะอาหาร ปวดท้อง แน่น มีลมในท้อง ไม่อยากอาหาร เหงื่อออก (167-180) และพบอาการลำไส้อุดตัน เมื่อรับประทานกระเทียมต่อเนื่องเพื่อรักษาหวัด (181) นอกจากนี้การรับประทานกระเทียมปริมาณมากยังทำให้ลมหายใจมีกลิ่นกระเทียม และมีกลิ่นตัวเฉพาะ (182)

          การรับประทานกระเทียมสดในขนาดสูง กระเทียมชนิดเม็ดหรือแคปซูลเป็นเวลานาน มีผลทำให้เกล็ดเลือดต่ำลง  ซึ่งมีรายงานพบว่ามีเลือดออกในสมอง  เลือดหยุดช้า และเลือดออกไม่หยุดในขณะผ่าตัด และมีก้อนเลือดในไขสันหลัง (182-188)

          มีรายงานการแพ้เมื่อรับประทานกระเทียมสด หรือน้ำคั้นจากกระเทียม และผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดกระเทียม การสัมผัสที่ผิวหนังอาจทำให้เกิดอาการพอง เป็นเม็ดตุ่มใส เป็นผื่น แผลไหม้ ผิวหนังอักเสบ (182, 189-225) มีรายงานผู้ที่ได้สัมผัสกับผงกระเทียมเป็นเวลานาน เมื่อรับประทานกระเทียมทำให้เกิดอาการแพ้ โดยมีอาการคลื่นไส้ ท้องเสีย มึนงง หัวใจเต้นแรงและบวม เป็นเวลา 4 ชั่วโมง (226) ผู้ที่สูดดมกระเทียม และสารสกัดกระเทียมเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการหอบหืด และเยื่อบุโพรงจมูกอักเสบ (200, 216, 224)

          นอกจากนี้ยังมีรายงานการแพ้เนื่องจากรับประทานกระเทียมชนิดเม็ดแล้วทำให้เกิดผื่นคัน (189) และการรับประทานอาหารที่มีกระเทียมแล้วทำการทดสอบ พบว่ามีระดับ IgE เพิ่มขึ้น (227-230)

จากการทดสอบการแพ้ด้วยวิธี patch test พบว่า กระเทียมสดทำให้เกิดการแพ้ได้มากกว่ากระเทียมที่ทำให้สุกแล้ว (231) การทดสอบการแพ้ โดยวิธี immunoglobulin antibodies พบว่ากระเทียมมีฤทธิ์กระตุ้นการสร้าง immunoglobulin antibodies (232) และพบว่าสารที่ทำให้แพ้ ได้แก่ diallyl disulfide, allylpropyl-disulfide, allylmercaptan และ allicin (233, 234)

 

7.  ความเป็นพิษทั่วไปและต่อระบบสืบพันธุ์

          7.1   การทดสอบความเป็นพิษ

                 จากการทดสอบในคนไม่พบอาการพิษเมื่อให้เด็กรับประทานกระเทียม วันละ 900 มิลลิกรัม (235)  หรือในผู้ใหญ่ขนาด 350 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง (236) และการรับประทานสารสกัดกระเทียมด้วยแอมโมเนียมไฮดรอกไซด์ (237) และ สารสกัดด้วยน้ำผสมแอลกอฮอล์ ก็ไม่พบพิษเช่นกัน (238)

ในการทดสอบความเป็นพิษเฉียบพลันพบว่า สารสกัดกระเทียมด้วยน้ำซึ่งถูกทำให้แห้งด้วยวิธีแช่แข็งไม่แสดงความเป็นพิษเมื่อให้หนูแรททางปาก (91, 239) แต่มีความเป็นพิษมากขึ้นเมื่อให้สารสกัดทางช่องท้องและฉีดเข้าใต้ผิวหนัง (240, 241) เมื่อให้น้ำมันกระเทียมแก่กระต่ายในขนาด 0.765 มิลลิลิตร/กิโลกรัม พบว่ากระต่ายมีอาการมึนงง (242) สารสกัดกระเทียมด้วยอีเทอร์เมื่อฉีดเข้าหลอดเลือดกระต่ายพบความเป็นพิษในขนาด 0.755 มิลลิลิตร/ตัว (243) สารสกัด (ไม่ระบุตัวทำละลาย) ฉีดเข้าหลอดเลือดกระต่ายในขนาด 70 มิลลิกรัม/ตัว พบว่าทำให้กระต่ายตาย (244) น้ำมันหอมระเหยจากกระเทียมทาบนผิวหนูเม้าส์ ในขนาด 10 มิลลิกรัม/ตัว พบว่าทำให้หนูตาย (245)

                 สาร allicin มีความเป็นพิษมากเมื่อฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ช่องท้อง (246) และหลอดเลือดของหนูเมาส์ (244) ในขณะที่สาร S-allyl cysteine (SAC) ไม่พบความเป็นพิษเมื่อให้ทางปากหนูแรทในขนาด 54.7 มิลลิโมล/น้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม (8.8 กรัม/กิโลกรัม) หรือฉีดเข้าช่องท้อง ขนาด 20 มิลลิโมล/น้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม (3.2 กรัม/กิโลกรัม) (247)

                 การทดสอบความเป็นพิษกึ่งเรื้อรังและเรื้อรังพบว่า น้ำคั้นกระเทียมผสมในอาหาร ขนาดร้อยละ 5 ของอาหาร แล้วให้หนูแรทกินเป็นเวลา 25 วัน (136) สารสกัดด้วยเอทานอล ร้อยละ 95 ให้หนูกินในขนาดต่างๆ (248) น้ำมันซึ่งมีกระเทียมผสมในขนาด 28.5 มิลลิกรัม/ตัว (249) สารสกัดด้วยอีเทอร์ให้หนูแรทกินในขนาด 2-4 กรัม เป็นเวลา 3 สัปดาห์ (250) สารสกัดกระเทียมให้หนูแรทกินขนาด 12 กรัม/กิโลกรัม สัปดาห์ละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 6 เดือน (251) และน้ำมันกระเทียมฉีดเข้าช่องท้องหนูแรทในขนาด 0.5 มิลลิลิตร/กิโลกรัม (32) ไม่พบความเป็นพิษ สารสกัดกระเทียมให้หนูแรทกินในขนาด 0.3-110 มิลลิลิตร/กิโลกรัม เป็นเวลา 3-6 เดือน พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงในปริมาณเม็ดเลือดแดงและมีม้ามโตเล็กน้อย (241) น้ำมันกระเทียมและสารสกัดกระเทียม มีผลยับยั้งการเจริญเติบโตและทำให้เกิดภาวะเลือดจางในหนูแรท แมว และสุนัข (252) เมื่อให้ชาชงกระเทียมในขนาดสูงกับหนูแรท พบว่าจะลดปริมาณฮีโมโกลบิน (Hb). ปริมาตรเม็ดเลือดแดง, จำนวนเม็ดน้ำเหลือง (lymphocyte), เอนไซม์ aspartate aminotransferase (AST) และ alanine aminotransferase (ALT) ในขณะที่จำนวนเม็ดเลือดขาว ชนิดต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (253) เมื่อให้สารสกัดด้วยน้ำในขนาด 300 และ 600 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม/วัน เป็นเวลา 21 วัน จะมีผลลดการเจริญเติบโต และเปลี่ยนแปลงค่าพารามิเตอร์ในเลือดและเนื้อเยื่อ (254) เมื่อฉีดสารสกัดกระเทียมด้วยน้ำเข้าช่องท้องขนาด 500 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม ทำให้เกิดการทำลายเนื้อเยื่อตับและปอด (255) เมื่อฉีดสารสกัดกระเทียมเข้าเส้นเลือดดำกระต่ายทุกวัน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อของม้าม อัณฑะ และต่อมธัยรอยด์ (256) เมื่อป้อนน้ำมันกระเทียมให้หนูแรทในขนาด 0.5 มิลลิลิตร/น้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม พบความป็นพิษ (257) การป้อนสารสกัดกระเทียมให้หนูแรทที่มีความดันโลหิตสูง (ไม่ระบุปริมาณ) ทุก 6 ชั่วโมงนาน 28 วัน พบว่าหนูทุกตัวมีชีพจรและคลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ น้ำหนักตัวลดลง มีอาการซึมและอ่อนเพลีย อุจจาระนุ่ม และมีภาวะขาดน้ำ ผิวหนังบริเวณขาหน้าและหลังจะนุ่มมากและฉีกขาดง่าย (258)

                 สารประกอบซัลเฟอร์ในกระเทียมบางชนิด ได้แก่ di-, tri- และ tetrasulfide มีผลทำลายเม็ดเลือดแดงในหลอดทดลอง เนื่องจากทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจจะมีความสัมพันธ์กับการเกิดภาวะซีดในหนูแรทที่กินกระเทียมหรือหอม (259)

          7.2   ฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์

                 สารสกัดกระเทียมด้วยอัลกอฮอล์ (ร้อยละ 95) เมื่อป้อนให้หนูในขนาดวันละ 500 มิลลิกรัม เป็นเวลา 5 วัน พบว่ามีการกลายพันธุ์ของเซลล์ไขกระดูก (260) แต่เมื่อป้อนให้หนูเม้าส์ในขนาด 2.5, 5.0 และ 5 กรัม/น้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม ไม่พบความผิดปกติดังกล่าว (261) กระเทียมในขนาด 1.2 มิลลิกรัม/แผ่น มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์เมื่อทดสอบกับ Salmonella typhimurium TA1535 และ TA1538 ในขณะที่ขนาด 2.4 มิลลิกรัม/แผ่น จะมีผลก่อกลายพันธุ์ต่อ Salmonella typhimurium TA1537 ส่วนน้ำมันหอมระเหย ขนาด 5 พิโครลิตร/แผ่น มีผลก่อกลายพันธุ์ใน Micrococcus flavus (262) สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ร้อยละ 95 ในความเข้มข้น 10 มก./แผ่น มีผลก่อกลายพันธุ์ใน S. typhimurium TA98 และ TA102 (263)

          7.3   พิษต่อเซลล์

                 มีรายงานพบว่ากระเทียมมีความเป็นพิษต่อเซลล์ตับ เมื่อให้กรเทียมแก่หนูแรทในขนาด 200 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร (264) และเมื่อให้สารสกัดด้วยเอทานอลร้อยละ 95 ตรงเข้ากระเพาะอาหารหนูเม้าส์ ในขนาด 500 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม ทุกวันเป็นเวลา 5 วัน พบความเป็นพิษอย่างอ่อนต่อเซลล์ไขกระดูก (260)

                 นอกจากนี้ยังพบว่ากระเทียมสด ผงกระเทียม สารสกัดกระเทียมด้วยแอลกอฮอล์ และน้ำ ส่วนสกัดโปรตีนจากกระเทียม มีความเป็นพิษต่อเซลล์หลายชนิด ได้แก่ เซลล์บุผิวที่ไต (Vero cell) เซลล์ไฟโบรบลาสที่ปอด (MRC-5) เซลล์รังไข่ (CHO) เซลล์ต่อมน้ำเหลือง เซลล์มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (DALTON'S Lymphoma) และเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว (LEUK-CCRF-CEM) (265-270)

          7.4   ผลต่อระบบสืบพันธุ์

                 น้ำมันหอมระเหยจากกระเทียมมีผลฆ่าอสุจิของหนูตะเภาและหนูแรท (263) สารสกัดกระเทียมด้วยแอลกอฮอล์ขนาด 100-200 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม (272-274) และสารสกัดกระเทียมด้วยปิโตรเลียมอีเทอร์ขนาด 100 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม (274) เมื่อป้อนให้หนูแรทที่ตั้งครรภ์ ไม่พบผลทำให้แท้งหรือความเป็นพิษต่อตัวอ่อน นอกจากนี้สารสกัดกระเทียม เมื่อฉีดเข้าช่องท้องหนูแรท (ไม่ระบุขนาด) ไม่พบว่าทำให้แท้ง (275)

          7.5   ผลต่อหัวใจและหลอดเลือด

                 มีรายงานในผู้ชายอายุ 23 ปี ซึ่งไม่มีภาวะเสี่ยงต่อโรคหัวใจมาก่อน แต่มีอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน หลังจากรับประทานกระเทียมปริมาณสูงในคืนก่อนมีอาการ และชายผู้นี้เคยมีอาการเจ็บหน้าอก 2 ครั้ง เมื่อรับประทานกระเทียมปริมาณมาก (276)

                 เมื่อป้อนน้ำมันหอมระเหยให้หนูแรท ขนาด 2 กรัม/น้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม เป็นเวลา 30 วัน โดยหนูยังคงได้รับอาหารตามปกติ พบว่ามีคลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ และการผิดปกตินี้ยังคงอยู่หลังหยุดให้กระเทียม และยังพบอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (permanent coronary ischemia) ในหนู 8 ตัว จาก 10 ตัว (277) สารสกัดกระเทียมมีผลยับยั้งการทำงานของระบบหลอดเลือดและหัวใจสุนัข และหัวใจหนูแรทที่ตัดแยกออกมา โดยคาดว่าเกิดจากการยับยั้งที่ตัวรับ b-adrenergic (278)

          7.6   การทำปฏิกิริยากับยาอื่น

                 กระเทียมมีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด ยับยั้งการเกาะกันของเกล็ดเลือด ทำให้เลือดเหลวและแข็งตัวช้า ดังนั้นต้องระมัดระวังการใช้ร่วมกับยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น warfarin หรือยาต้านการจับตัวของเกร็ดเลือด และยา NSAIDs บางชนิด เช่น aspirin, และ indomethacin เพราะจะทำให้ค่าทดสอบระยะเวลาที่เลือดแข็งตัวเพิ่มขึ้น และอาจทำให้เลือดออก (182, 184, 279-285) นอกจากนี้ควรหยุดรับประทานกระเทียมขนาดสูง 4-8 สัปดาห์ก่อนมีการผ่าตัด หรือการรักษาด้วยยาต้านการแข็งตัวของเลือด

กระเทียมมีผลยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ CYP ที่ใช้เปลี่ยนสภาพยาหลายชนิด ได้แก่ เอ็นไซม์ CYP2D6,  CYP2E1,  CYP2P9, CYP3A4, CYP3A5 และ CYP3A7 ดังนั้นควรระมัดระวังการรับประทานกระเทียมร่วมกับยาที่ถูกทำลายด้วยเอ็นไซม์เหล่านี้ เช่น dextromethorphan, alprazolam, midazolam และ paracetamol เนื่องจากอาจทำให้ระดับยาในเลือดของยาเหล่านี้สูงกว่าปกติ แล้วทำให้เกิดความเป็นพิษจากยาได้ นอกจากนี้มีรายงานว่ากระเทียมมีผลลดระดับยาต้านไวรัสเอดส์ เช่น saquinavir และยังมีผลทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดตกในผู้ป่วยเบาหวานเนื่องจากไปเพิ่มผลการลดน้ำตาลในเลือดของยา chlorpropamide (182, 284, 285)

 

8. วิธีการใช้

8.1   ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข (สาธารณสุขมูลฐาน)

                 8.1.1 การใช้กระเทียมรักษาอาการแน่นจุกเสียด

                 ก.     นำกระเทียม 5-7 กลีบ บดให้ละเอียด เติมน้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ เกลือและน้ำตาลนิดหน่อย ผสมให้เข้ากัน กรองเอาเฉพาะน้ำดื่ม (286)

                 ข.     นำกระเทียมมาปอกเปลือก นำเฉพาะเนื้อใน 5 กลีบมาซอยให้ละเอียด รับประทานกับน้ำหลังอาหารทุกมื้อ แก้ปวดท้อง อาหารไม่ย่อย (287)

                 8.1.2 การใช้กระเทียมรักษากลาก เกลื้อน

                 ก.     นำกระเทียมมาขูดให้เป็นชิ้นเล็กๆ หรือบดให้แหลก พอกที่ผิวหนัง แล้วปิดด้วยผ้าพันแผลไว้นานอย่างน้อย 20 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำซ้ำเช้าเย็นเป็นประจำทุกวัน (288)

                 ข.     ขูดผิวหนังส่วนที่เป็นเกลื้อนให้พอเลือดซึมด้วยใบมีด แล้วใช้กระเทียมสดทา ทำเช่นนี้ทุกวัน 10 วันก็จะหาย (289-294)

8.2   ยาจากสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ

                            ไม่มี

 

 

เอกสารอ้างอิง

 

1.             Prasad DN, Bhattacharya SK, Das PK.  A study of antiinflammatory activity of some indigenous drugs in albino rats. Indian J Med Res 1966;54(6):582-90. 

2.             Wagner H, Wierer M, Fessler B.  Effects of garlic constituents on arachidonate metabolism. Planta Med 1987;53(3):305-6. 

3.             Dirsch VM, Vollmar AM. Ajoene, a natural product with non-steroidal antiinflammatory drug (NSAID)-like properties? Biochem Pharmacol 2001;61(5):587-93. 

4.             Sendl A, Elbl G, Steinke B, Redl K, Breu W, Wagner H.  Comparative pharmacological investigations of Allium ursinum and Allium sativum. Planta Med 1992;58:1-7. 

5.             Sela U, Ganor S, Hecht I, et al.  Allicin inhibits SDF-1a-induced T cell interactions with fibronectin and endothelial cells by down-regulating cytoskeleton rearrangement, Pyk-2 phosphorylation and VLA-4 expression. Immunology 2003;111(4):391-9. 

6.             Chang HP, Huang SY, Chen YH.  Modulation of cytokine secretion by garlic oil derivatives is associated with suppressed nitric oxide production in stimulated macrophages. J Agric Food Chem 2005;53(7):2530-4. 

7.             Chang HP, Chen YH.  Differential effects of organosulfur compounds from garlic oil on nitric oxide and prostaglandin E2 in stimulated macrophages. Nutrition 2005;21(4):530-6. 

8.             Block E, Iyer R, Grisoni S, Saha C, Belman S, Lossing FP.  Lipoxygenase inhibitors from the essential oil of garlic. Markovnikov addition of the allyldithio radical to olefins. J Am Chem Soc 1988;110(23):7813-27. 

9.             Keiss HP, Dirsch VM, Hartung T, et al.  Garlic (Allium sativum L.) modulates cytokine expression in lipopolysaccharide-activated human blood thereby inhibiting NF-kB activity. J Nurt 2003;133(7):2171-5. 

10.         Belman S, Solomon J, Segal A, Block E, Barany G.  Inhibition of soybean lipoxygenase and mouse skin tumor promotion by onion and garlic components. J Biochem Toxicol 1989;4(3):151-60. 

11.         Kim KM, Chun SB, Koo MS, et al.  Differential regulation of NO availability from macrophages and endothelial cells by the garlic component S-allyl cysteine. Free Radical Biol Med 2001;30(7):747-56. 

12.         Amrita D, Prakash C, Dhundasi SA, Das KK.  Effect of garlic (Alium sativum) on nickel (II) or chromium (VI) induced alternations of glucose homeostasis and hepatic antioxidant status under sub-chronic exposure conditions. J Basic Clin Physiol Pharmacol 2009;20(1):1-14.

13.         Kim MY, Kim YC, Chung SK.  Identification and in vitro biological activities of flavonols in garlic leaf and shoot: inhibition of soybean lipoxygenase and hyaluronidase activities and scavenging of free radicals. J Sci Food Agri 2005;85(4):633-40. 

14.         Gurpratap S, Raghuvansh K.  Garlic in dyspepsia (a trial in 30 cases). Antiseptic 1981; 78:197-200. 

15.         Damrau F, Ferguson EA.  The modus operandi of carminatives.  The therapeutic value of garlic in functional gastrointestinal disorder. Rev Gastroentrol 1949;16:411-9. 

16.         Fortunatov MN.  Activity of garlic phytoncides in the human body when taken internally. Farmakol Toksikol 1955;18(8):43-6. 

17.         De Torrescasana EU.  Experimental studies of the pharmacology of the active principles of Allium sativum (garlic). Rev Espan Fisiol 1946;2:6-31. 

18.         Velasquez BL, Garcia PS, Mijan CD, Hernando AO.  Vascular effect of garlic extract: its mechanism of action. Arch Inst Farmacol Exp 1958;10:15-22.  

19.         อัจฉรา ภูพิพัฒน์ผล อุษา ศิริบุญฤทธิ์.  ผลของน้ำสกัดกระเทียมต่อกล้ามเนื้อเรียบลำไส้เล็กหนูตะเภาและกระเพาะอาหารกบ. โครงการพิเศษ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล. กรุงเทพ:มหาวิทยาลัยมหิดล, 1980. 

20.         Hibi T.  Ajoene as acetylcholinesterase inhibitor. Patent:Jpn Kokai Tokkyo Koho JP 2000327565, 2000:5 pp. 

21.         Ingkaninan K, Temkitthawon P, Chuenchom K, Yuyaem T, Thongnoi W.  Screening for acetylcholinesterase inhibitory activity in plants used in Thai traditional rejuvenating and neurotonic remedies. J Ethnopharmacol 2003;89:261-4. 

22.         Amla V, Singh D, Raina RK, Sharma TR.  Preliminary clinical evaluation of garlic capsule in chronic rheumatic disorders. Indian J Pharmacol 1981;13:64. 

23.         Hodge G, Hodge S, Han P.  Allium sativum (garlic) suppresses leukocyte inflammatory cytokine production in vitro: potential therapeutic use in the treatment of inflammatory bowel disease.  Cytometry 2002;48(4):209-15. 

24.         Dimitrov NV, Bennink MR.  Modulation of arachidonic acid metabolism by garlic extracts. Nutraceuticals: Des Foods III: Garlic, Soy, Licorice, [Course Des Foods, Proc], 3rd, 1997:199-202. 

25.         Bhakuni OS, Dhar ML, Dhar MM, Dhawan BN, Mehrotra BN.  Screening of Indian plants for biological activity. Part II.  Indian J Exp Biol 1969;7:250-62. 

26.         Dabral PK, Sharma RK.  Evaluation of the role of Rumalaya and Geriforte in chronic arthritis-A preliminary study. Probe 1983;22(2):120-7. 

27.         Safarli SR.  Experimental treatment of corneal burns with phytoncido-naphthalene emulsion. Vestnik Oftalmol 1955;34(6):17-9. 

28.         Bandoni AJ.  Garlic and its preparations. Rev Farm (Buenos Aires) 1935;77:25-8. 

29.         Singh V, Kuwar A, Singh SP.  Effect of normal saline, potassium permanaganate and garlic extract on healing of contaminated wounds in buffalo-calves. Indian J Anim Sci 1984;54(1):41-5. 

30.         Mascolo N, Autore G, Capasso F, Menghini A, Fasulo MP.  Biological screening of Italian medicinal plants for antiinflammatory activity. Phytother Res 1987;1(1):28-31. 

31.         Hegiziy A., Elshaib S.  Anti-acute and chronic inflammatory and tooth pain relief. PCT/EG2008/000003.WO 2009/092387.

32.         Shah SA, Vohora SB.  Boron enhances anti-arthritic effects of garlic oil. Fitoterapia 1990;61(2):121-6.  

33.         Kyo E, Uda N, Kasuga S, Itakura Y, Sumiyoshi H.  Garlic as an immunostimulant. In Immunomodulatory agents from plants, Wagner H, ed.  Basel:Birkhauser Verlag, 1999:273-88.

34.         Ban JO., Oh JH., Kim TM., Kim DJ., Jeong HS., Han SB., Hong JT.  Anti-inflammatory and arthritic effects of thiacremonone, a novel sulfurcompound isolated from garlic via inhibition of NF-kB. Arthritis Res Ther 2009;11(5):13 pp.

35.         Shrotriya S., Kundu J. K., Na H.K. et al.  Diallyl trisulfide inhibits phorbol ester-induced tumor promotion, activation of AP-1, and expression of COX-2 in mouse skin by blocking JNK and Akt signaling. Cancer Res 2010;70(5):1932-40.

36.         Kalayarasan S., Sriram N., Sudhandiran G.  Diallyl sulfide attenuates bleomycin-induced pulmonary fibrosis: Critical role of iNOS, NF-kB, TNF-a and IL-1b. Life Sciences 2008;82:1142-53.

37.         Park SY, Chin KB.  Evaluation of in antioxidant and antimicrobial activities of garlic, and their application in fresh pork patties. Int J Food Sci Tech 2010;45(2):365-73.

38.         Chaithradhyuthi Gayathri S, Sowmya PS, Shwetha BR, et al.  Evaluation of the antioxidant and antimicrobial properties of some members of Allium. EJEAFChe 2008;7(10):3505-10.

39.         Shaik IH, George JM, Thekkumkara TJ, Mehvar R.  Protective effects of diallay sulfide, a garlic constituent, on the warm hepatic ischemia-reperfusion injury in a rat model. Pharm Res 2008;25(10):2231-42.

40.         Ejaz S, Chekarova I, Cho JW, Lee SY, Ashraf S, Lim CW.  Effect of aged garlic extract on wound healing: A new frontier in wound management. Drug Chem Toxicol 2009; 32(3):191-203.

41.          Ledezma E, De Sousa L, Jorquera A, et al. Efficacy of ajoene, an organosulfur derived from garlic, in the short-term therapy of tinea pedis. Mycoses 1996;39(9/10):393-5. 

42.         Lodezma E, Lopez JC, Marin P, et al.  Ajoene in the topical short-term treatment of Tinea crusis and Tinea coporis in humans. Randomized comparative study with terbinafine.  Arzneimittel-Forschung 1999;49(6):544-7.

43.         Reddy KRN, Reddy CS, Muralidharan K.  Potential of botanicals and biocontrol agents on growth and aflatoxin production by Aspergilluc flavus infecting rice grains. Food Control 2009;20:173-8.

44.         Komsri R, Khunkitti W, Samerpitak K, Piyapromdee K, Loapirukkul J.  Development of microemulsion as an antifungal preperation using garlic extract. Thai J Pharm Sci 1999;23(suppl):31. 

45.         Avato P, Tursi F, Vitali C, Miccolis V, Candido V.  Allylsulfide constituents of garlic volatile oil as antimicrobial agents. Phytomedicine 2000;7(3):239-43. 

46.         Xie Z, Jiang G, Huang D.  Extraction and antibacterial activity of garlic oil. Shipin Keji 2007;8:130-2.

47.         นวลจิรา อนุสสรนิติสาร แม้นสรวง วุฒิอุดมเลิศ.  การปรับปรุงคุณภาพยาเตรียมจากกระเทียม. การประชุมวิชาการ เรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาประเทศ ครั้งที่ 8, 1982:241-2. 

48.         Pyun M-S, Shin S.  Antifungal effects of the volatile oils from Allium plants against Trichophyton species and synergism of the oils with ketoconazole. Phytomedicine 2006;13:394-400. 

49.         Benkeblia N.  Antimicrobial activity of essential oil extracts of various onions (Allium cepa) and garlic (Allium sativum). Lebensmittel-Wissenschaft Technologie 2004; 37(2):263-8. 

50.         Prasad G, Sharma VD, Kumar A.  Efficacy of garlic (Allium sativum) therapy against experimental dermatophytosis in rabbits. Indian J Med Res 1982;75:465-7. 

51.         Nikolic VD, Stankovic LB, Cvetkovic DM, Skala DU.  Antimicrobial effect of raw garlic (Allium sativum L.) extracts, garlic powder and oil, and commercial antibiotics on pathogen microorganisms. Hemijska Industrija 2004;58(3):109-13. 

52.         Iwalokun BA, Ogunledun A, Ogbolu DO, Bamiro SB, Jimi-Omojola J.  In vitro antimicrobial properties of aqueous garlic extract against multidrug-resistant bacteria and Candida species from Nigeria. J Med Food 2004;7(3):327-33. 

53.         Appleton JA, Tansey MR.  Inhibition of growth of zoopathogenic fungi by garlic extract.  Mycologia 1975;67:882-5. 

54.         เสาวรส อิ่มวิทยา อังคณา ปลั่งพัฒนะพาณิชย์ ประหยัด ทัศนากรณ์.  ฤทธิ์ของกระเทียมต่อเชื้อรา. สารคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล 2521;2(2);67-77. 

55.         อภิรักษ์ ปลอดดี รสนา ผลากรกุล. การศึกษาถึงฤทธิ์ของสารสกัดจากกระเทียมที่มีต่อเชื้อรา. โครงการพิเศษ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, 2521. 

56.         Venugopal PV, Venugopal TV.  Antidermatophytic activity of garlic (Allium sativum) in vitro. Int J Dermatol 1995;34(4):278-9. 

57.         Caceres A, Lopez BR, Giron MA, Logemann H.  Plants used in Guatemala for the treatment of dermatophytic infections. 1. Screening for antimycotic activity of 44 plant extracts. J Ethnopharmacol 1991;31(3):263-76. 

58.         Chun WB.  In vitro antifungal effect of aqueous garlic extract on dermatophytes. J Busan Med Coll 1982;22(1):155-66. 

59.         รัตนา สินธุภัค อริยา ติรณะประกิจ อริยา จินดามพร วัณณศรี สินธุภัค. การยับยั้งการเจริญของเชื้อราที่ก่อโรคกลากด้วยสมุนไพรไทย. วารสารวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ 2535;6(1):9-20.

60.         บวร แมลงภู่ทอง. การศึกษาผลของสารสกัดจากกระเทียมยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราเดอร์มาโตไฟต์.  โครงการพิเศษ คณะเภสัชศาสตร์. กรุงเทพ: มหาวิทยาลัยมหิดล, 2524. 

61.         Appel E, Vallon-Eberhard A, Rabinkov A, et al. Therapy of murine pulmonary aspergillosis with antibody-alliinase conjugates and alliin. Antimicrob Agents Chemother 2010;54(2):898-906.

62.         Li Q, Liu S., Suo F, Gou P. Study on alliin and alliinase preparation and their antimicrobial activities. Shipin Kexue (Beijing, China) 2007;28(6):230-3.

63.         Kim JW, Huh JE, Kyung SH, Kyung KH. Antimicrobial activity of alk(en)yl sulfides found in essential oils of garlic and onion. Food Sci Biotechnol 2004;13(2):235-9.

64.         Soloty S. Preservative effect of garlic in canned tomato paste. Faslnamah-i Giyahan-i Daruyi 2002;1(3):45-50, 96. 

65.         Inouye S, Goi H, Miyauchi K, Muraki S, Ogihara M, Iwanami Y. Inhibitory effect of volatile constituents of plants on the proliferation of bacteria-antibacterial activity of plant volatiles. J Antibact Antifung Agents 1983;11(11):609-15. 

66.         Kumar M, Berwal JS. Sensitivity of food pathogens to garlic (Allium sativum). J Appl Microbiol 1998;84(2):213-5. 

67.         Siripongvutikorn S, Thummaratwasik P, Huang Y. Antimicrobial and antioxidant effects of Thai seasoning, Tom-Yum. LWT 2005;38(4):347-52. 

68.         You WC, Zhang L, Gail MH, et al. Helicobacter pylori infection, garlic intake and precancerous lesions in a Chinese population at low risk of gastric cancer. Int J Epidemiol 1998;27(6):941-4. 

69.         O’Gara EA, Hill DJ, Maslin DJ. Activities of garlic oil, garlic powder, and their diallyl constituents against Helicobacter pylori. Appl Environ Microbiol 2000;66(5):2269-73. 

70.         Helmy, Zakia A, Zahra MK, Musleh RM. Some factors effecting Salmonellae growth in meat. Egypt J Microbiol 1985;20(2):153-64. 

71.         El-Khateib T, Abd El-Rahman H. Effect of garlic and Lactobacillus plantarum on growth of Salmonella typhimurium in Egyptian fresh sausage and beef burgur. J Food Prot 1987;50(4):310-1. 

72.         Wilson CR, Andrews WH. Sulfite compounds as neutralizers of spice toxicity for Salmonella. J Milk Food Technol 1976;39(7):464-6. 

73.         Marques A, Encarnação S, Pedro S, Nunes ML. In vitro antimicrobial activity of garlic, oregano and chitosan against Salmonella enterica. World J Microbiol Biotechnol 2008;24:2357-60.

74.         Saleem ZM, Al-Delaimy KS. Inhibition of Bacillus cereus by garlic extracts. J Food Prot 1982;45(11):1007-9. 

75.         Khan MR, Omoloso AD. Momordica charantia and Allium sativum: broad spectrum antibacterial activity. Korean J Pharmacog 1998;29(3):155-8.

76.         Banerjee M, Sarkar PK. Inhibitory effect of garlic on bacterial pathogens from spices.  World J Microbiol Biotechnol 2003;19(6):565-9. 

77.         Sirotamarat S. Potential of medicinal plants and herbal tea products for antibacterial activity against diarrheal bacteria. Thai J Pharm Sci 2005;29(suppl):82. 

78.         El-Shourbagy MS, El-Ballal AS, Abou Bakr MA, Hassan MA, Tawfik MS, Ahmed YM. Breeding potential of locally cultivated garlic (Allium sativum L.) IV. Phytotherapeutic value of improved selections. J Herbs, Spices Med Plants 1993; 1(3):27-45. 

79.         Pranoto Y, Salokhe VM, Rakshit SK. Physical and antibacterial properties of alginate-based edible film incorporated with garlic oil. Food Res Int 2005;38(3):267-72. 

80.         Ungsurungsie M, Suthienkul O, Paovalo C. Mutagenicity screening of popular Thai spices. Food Chem Toxicol 1982;20:527-30. 

81.         Ahsan M, Islam SN. Garlic: a broad spectrum antibacterial agent effective against common pathogenic bacteria. Fitoterapia 1996;67(4):374-6. 

82.         Ahmad I, Mehmood Z, Mohammad F. Screening of some Indian medicinal plants for their antimicrobial properties. J Ethnopharmacol 1998;62:183-93. 

83.         Srinivasan D, Nathan S, Suresh T, Lakshmana Perumalsamy P. Antimicrobial activity of certain Indian medicinal plants used in folkloric medicine. J Ethnopharmacol 2001; 74:217-20. 

84.         ฑีฆายุ ชัยยะโสตถิ วิชัย ฤกษ์โสภา พเยาว์ เหมือนวงศ์ญาติ. การศึกษาพืชสมุนไพรที่มีฤทธิ์ทำลายเชื้อ. โครงการพิเศษ คณะเภสัชศาสตร์. กรุงเทพ: มหาวิทยาลัยมหิดล, 2518. 

85.         Abdou IA, Abou-Zeid AA, El-Sherbeeny MR, Abou-El-Gheat ZH. Antimicrobial activities of Allium sativum, Allium cepa, Raphanus sativus, Capsicum frutescens, Eruca sativa, Allium kurrat on bacteria. Qual Plant Mater Veg 1972;22(1):29-35. 

86.         Elsom GK, Hide D, Salmon DM. An antibacterial assay of aqueous extract of garlic against anaerobic/microaerophilic and aerobic bacteria. Microb Ecol Health Dis 2000;12(2):81-4. 

87.         Kumar A, Sharma VD. Inhibitory effect of garlic (Allium sativum) on enterotoxigenic Escherichia coli. Indian J Med Res 1982;76:66-70. 

88.         Elnima EI, Ahmed SA, Mekkawi AG, Mossa JS. The antimicrobial activity of garlic and onion extracts. Pharmazie 1983;38(11):747-8. 

89.         Singh KV, Shukla NP. Activity on multiple resistant bacteria of garlic (Allium sativum) extract. Fitoterapia 1984;55(5):313-5. 

90.         Akema R, Okazaki N, Takizawa K. Antibacterial substance in commercial Allium plants. Kanagawa-ken Eisei Kenkyusho Kenkyu Hokoku 1987;(17):39-40. 

91.         Chowdhury AKA, Ahsan M, Islam SK, Ahmed ZU. Efficacy of aqueous extract of garlic & allicin in experimental shigellosis in rabbits. Indian J Med Res 1991;93(1):33-6. 

92.         Kyung KH, Park KS, Kim YS. Isolation and characterization of bacteria resistant to the antimicrobial activity of garlic. J Food Sci 1996;61(1):226-9. 

93.         Ahsan M, Chowdhury AKA, Islam SN, Ahmed ZU. Garlic extracts and allicin: broad spectrum antibacterial agents effective against multiple drug resistant strains of Shigella dysenteriae type 1 and Shigella flexneri, enterotoxigenic Escherichia coli and Vibrio cholerae. Phytother Res 1996;10(4):329-31. 

94.         Yin MC, Chang HC, Tsao SM. Inhibitory effects of aqueous garlic extract, garlic oil and four dially sulphides against four enteric pathogens. Yaowu Shipin Fenxi 2002;10(2): 120-6. 

95.         Alanis AD, Calzada F, Cervantes JA, Torres J, Ceballos GM. Antibacterial properties of some plants used in Mexican traditional medicine for the treatment of gastrointestinal disorders. J Ethnopharmacol 2005;100:153-7. 

96.         Sasaki JI, Kita T, Ishita K, Uchisawa H, Matsue H. Antibacterial activity of garlic powder against Escherichia coli O-157. J Nutr Sci Vitaminol 1999;45(6):785-90. 

97.         คมขำ แสงมหาชัย. ผลของสารที่สกัดจากหอมและกระเทียมต่อการเจริญเติบโตของบักเตรีบางชนิด.  วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2521. 

98.         Cellini L, Di Campli E, Masulli M, Di Bartolomee S, Allocati N. Inhibition of Helicobacter pylori by garlic extract (Allium sativum). FEMS Immunol MED Microbiol 1996;13(4):273-7. 

99.         Jonkers D, Van Den Broek E, Van Dooren I, Thijs C, Dorant E, Hageman G, Stobberingh E. Antibaterial effect of garlic and omepraxole on Helicobacter pylori. J Antimicrob Chemother 1999;43(6):837-9. 

100.     อดิศร เสวตวิวัฒน์. ผลของน้ำสกัดกระเทียมต่อการเจริญของกล้าเชื้อแบคทีเรียแลคติคสำหรับผลิตภัณฑ์เนื้อและเชื้อโรคอาหารเป็นพิษที่พบมากในแหนม (ในหลอดทดลอง). อาหาร 2542; 29(2):107-15. 

101.     Shokrzadeh M, Ebadi AG. Antibacterial effect of garlic (Allium sativum L.) on Staphylococcus aureus. Pak J Bio Sci 2006;9(8):1577-9.

102.     Boboye B, Babatunde T, Onoriode A. Antibacterial activities of some plants used as condiments and spices in Nigeria. Curr World Environ 2007;2(2):171-4.

103.     Bakri M, Douglas CWI. Inhibitory effect of garlic extract on oral bacteria. Arch Oral Biol 2005; 50(7): 645-51.

104.     Dikasso D, Lemma H, Urga K, Debella A, Addis G, Tadele A, Yirsaw K. Investigation on the antimicrobial properties of garlic on pneumonia (Allium sativum) on pneumonia causing bacteria. Ethiop Med J 2002;40(3):241-9.

105.     Caceres A, Cano O, Samayoa B, Aguilar L. Plants used in Guatemala for the treatment of gastrointestinal disorders. 1. Screening of 84 plants against enterobacteria. J Ethnopharmacol 1990;30(1):55-73. 

106.     Ahmad I, Beg AZ. Antimicrobial and phytochemical studies on 45 Indian medicinal plants against multi-drug resistant human pathogens. J Ethnopharmacol 2001;74:113-23. 

107.     Canizares P, Gracia I, Gomez LA, Martin de Argila C, de Rafael L, Garcia A. Optimization of Allium sativum solvent extraction for the inhibition of in vitro growth of Helicobacter pylori. Biotechnol Prog 2002;18(6):1227-32.

108.     Hannan A, Ikram Ullah M, Qayum A, Shah KA, Arshad U, Hussain S. Evaluation of anti-mycobacterial activity of garlic (Allium sativum) against clinical isolates of non-MDR and MDR Mycobacterium tuberculosis. Planta Med 2009;75:1073.

109.     Hannan A, Ikram Ullah M, Usman M, Hussain S, Absar M, Javed K. Anti-mycobacterial activity of garlic (Allium sativum) against multi-drug resistant and non-multi-drug resistant mycobacterium tuberculosis. Pak J Pharm Sci. 2011;24(1):81-5.

110.     Youssef BM, Hammad AAI. Comparative antibacterial effects of garlic and cumin essential oils. Egypt J Miceobiol 1994;29(2):131-7. 

111.      Yamada N, Hayashi T, Hattori A, Fukuda H, Fujino T. Inhibition of the growth of Helicobacter pylori by oil-macerated garlic extract. Nat Med 2002;56(4):143-6. 

112.     Singh B, Bernadette FM, Adams MR. Synergistic inhibition of Listeria monocytogenes by nisin and garlic extract. Food Micobiol 2001;18(2):133-9. 

113.     Tsao S-M, Yin M-C. In vitro activity of garlic oil and 4 diallyl sulphides against antibiotic-resistant Pseudomonas aeruginosa and Klebsiella pneumoniae. J Antimicrob Chemother 2001;47(5):665-70.

114.     Youssef BM, Hammad AAI. Comparative antibacterial effects of garlic and cumin essential oils. Egypt J Miceobiol 1994;29(2):131-7. 

115.     Dold H, Knapp A. The antibacterial action of spices. Z Hyg Infektionskrankh 1948; 128:696-706. 

116.     Carpenter CW. Antibacterial propeties of yeasts, Fusarium species, onion, and garlic. Hawaiian Planters Record 1945;49:41-67.

117.     Du WX, Olsen CW, Avena-Bustillos RJ, McHugh TH, Levin CE, Mandrell R, Friedman M. Antibacterial effects of allspice, garlic, and oregano essential oils in tomato films determined by overlay and vapor-phase methods. Food Microbiol Saf 2009;74(7):390-6.

118.     Nedorostova L, Kloucek P, Stolcova M, Kokoska L. Screening of selected essential oils for antibacterial activity in vapour phase. Planta Med (55th International Congress and Annual Meeting of the Society for Medicinal Plant Research) 2007;73(9):121.

119.     Wu N, Zu Y, Wang W. Antimicrobial activities of garlic essential oil. Shipin Kexue 2008;29(3):103-5.

120.     Norziah MH, Fang LL, Ruri AS. Physical and antimicrobial properties of enzyme-modified starch-based films incorporated with garlic oil. Royal Society of Chemistry 2010;325:290-300.

121.     Yoshida H, Katsuzaki H, Ohta R, Ishikawa K, Fukuda H, Fujino T, Suzuki A. Antimicrobial activity of the thiosulfinates isolated from oil-macerated garlic extract. Biosci Biotechnol Biochem 1999;63(3);591-4. 

122.     Yoshida H, Katsuzaki H, Ohta R, Ishikawa K, Fukuda H, Fujino T, Suzuki A. An organosulfur compound isolated from oil-macerated garlic extract, and its antimicrobial effect.  Biosci Biotechnol Biochem 1999;63(3):588-90. 

123.     Cavallito CJ, Hays Bailey J. Allicin, the antibacterial principle of Allium sativum. I. Isolation, physical properties and antibacterial action. J Am Chem Soc 1944;66:1950-1. 

124.     Nolan LL, Mcclure CD, Labbe RG. Effect of Allium spp. And herb extracts on food-borne pathogens, prokaryotic, and higher and lower eukaryotic cell lines. Acta Hortic 1996;426:277-85. 

125.     Datta NL, Krishnamurthi A, Siddiqui S. Antibiotic principles of Allium sativum. J Sci Indian Res 1948;7B(3):42. 

126.     Ankri S, Mirelman D. Antimicrobial properties of allicin from garlic. Microbes Infect 1999;1(2):125-9. 

127.     Yin M, Cheng W. Antioxidant and antimicrobial effects of four garlic-derived organosulfur compounds in ground beef. Meat Sci 2002;63(1):23-8. 

128.     Canizares P, Gracia I, Gomez LA, Martin de Argila C, Boixeda D, Garcia A, de Rafael L. Allyl-thiosulfinates, the bacteriostatic compounds of garlic against Helicobacter pylori. Biotechnol Prog 2004;20(1):397-401.

129.     Ohta R, Yamada N, Kaneko H, et al. In vitro inhibition of the growth of Helicobacter pylori by oil-macerated garlic constituents. Antimicrob Agents Chemoter 1999; 43(7):1811-2. 

130.     Cutler R, Wilson P. Antibacterial activity of a new, stable, aqueous extract of allicin against methicillin-resistant Staphylococcus aureus. Britsih J Biomed Sci 2004; 61(2):71-4.

131.     Cai Y, Wang R, Pei F, Liang B-B. Antibacterial activity of allicin alone and in combination with b-lactams against Staphylococcus spp. and Pseudomonas aeruginosa. J Antibiot 2007;60(5):335-8.

132.     Zhou Y, Jiang X, Yu G. Study on extractive condition optimization of allicin and restraining bacterium. Dongbei Nongye Daxue Xuebao 2009;40(6):26-9.

133.     Liu T, Li T, Dong Y, Zhang Y. Study of extraction and physiological activity of alliin in garlic. Shengwu Jishu 2007;17(2):59-61.

134.     Tsao SM, Hsu CC, Yin MC. Garlic extract and two diallyl sulphides inhibit methicillin-resistant Staphylococcus aureus infection in BALB/cA mice. J Antimicrob Chemother 2003;52(6):974-80.

135.     Tsao SM, Liu WH, Yin MC. Two diallyl sulphides derived from garlic inhibit meticillin-resistant Staphylococcus aureus infection in diabetic mice. J Med Microbiol 2007; 56(6):803-8.

136.     Huh K, Park J, Lee S. Effect of garlic (Allium sativum) on the hepatic glutathione S-transferase and glutathione peroxidase activity in rat: Garlic effect on glutathione S-transferase and glutathione peroxidase. Arch Pharmacal Res 1985;8(4):197-204.  

137.     Kagawa K, Matsutaka H, Yamaguchi Y, Fukuhama C. Garlic extract inhibits the enhanced peroxidation and production of lipips in carbon tetrachloride-induced liver injury. Jpn J Pharmacol 1986;42(1):19-26. 

138.     Wang BH, Zuzel KA, Rahman K, Billington D. Treatment with aged garlic extract protects against bromobenzene toxicity to precision cut rat liver slices. Toxicology 1999;132(2,3):215-25. 

139.     Wang E-J, Li Y, Lin M, Chen L, Stein AP, Reuhl KR, Yang CS. Protective effects of garlic and related organosulfur compounds on acetaminophen-induced hepatotoxicity in mice. Toxicol Appl Pharmacol 1996;136(1):146-54. 

140.     Balasenthil S, Nagini S. Garlic exerts hepatoprotective effects during 4-nitroquinolone 1-oxide-induced oral carcinogenesis in rats.  Asia Pac J Clin Nutr 2000;9(2):136-8. 

141.     Omurtag GZ, Guranlioglu FD, Sehirli O, et al. Protective effect of aqueous garlic extract against naphthalene-induced oxidative stress in mice. J Pharm Pharmacol 2005;57(5):623-30. 

142.     El-Demerdash FM, Yousef MI, Abou El-Naga NI. Biochemical study on the hypoglycemic effects of onion and garlic in alloxan-induced diabetic rats. Food Chem Toxicol 2005;43(1):57-63. 

143.     Flora SJ, Mehta A, Gupta R. Prevention of arsenic-induced hepatic apoptosis by concomitant administration of garlic extracts in mice. Chem Biol Interact 2009; 177(3):227-33.

144.     Fouad AA, Mahgoub SS. Hepato-protective effect of garlic versus melatonin in albino rats receiving a single toxic dose of acetaminophen. Alex J Pharm Sci 2003;17(2):133-7. 

145.     Hikino H, Tohkin M, Kiso Y, Namiki T, Nishimura S, Takeyama K. Antihepatotoxic actions of Allium sativum bulbs. Planta Med 1986;(3):163-8. 

146.     Kim SG, Nam SY, Chung HC, Hong SY, Jung KH. Enhanced effectiveness of dimethyl-4, 4¢-dimethoxy-5,6,5¢,6¢-dimethylene-dioxybiphenyl-2,2¢-dicarboxylate in combination with garlic oil against experimental hepatic injury in rats and mice. J Pharm Pharmacol 1995;47(8):678-82. 

147.     Singh S, Puri S, Dani HM, Sharma R. Studies on the protective propeties of garlic oil against acetaminophen-induced hepatotoxicity in the rat. Indian J Pharm Sci 1997; 55(5):259-62.     

148.     Augusti KT, Anuradha, Prabha SP, Smitha KB, Sudheesh M, George A, Joseph MC. Nutraceutical effects of garlic oil, its nonpolar fraction and a Ficus flavonoid as compared to vitamin E in CCl4 induced liver damage in rats. Indian J Exp Biol 2005; 43(5):437-44.

149.     Zeng T, Guo FF, Zhang CL, Zhao S, Dou DD, Gao XC, Xie KQ. The anti-fatty liver effects of garlic oil on acute ethanol-exposed mice. Chem Biol Interact 2008;176(2-3):234-42.

150.     Hassan HA, El-Agmy SM, Gaur RL, Fernando A, Raj MH, Ouhtit A. In vivo evidence of hepato- and reno-protective effect of garlic oil against sodium nitrite-induced oxidative stress. Int J Biol Sci 2009;5(3):249-55.

151.     Hussein JS, Oraby FS, El-Shafey N. Antihepatotoxic effect of garlic and onion oils on ethanol-induced liver injury in rats. J Appl Sci Res 2007;3(11):1527-33.

152.     Parveen M, Shrivastava VK, Qureshi MS, Kumar S. Protective effect of garlic on glutamate oxaloacetate transaminase and glutamate pyruvate transaminase enzymes of mice intoxicated with sevin. Asian J Exper Sci 2005;19(2):69-75. 

153.     Hayes MA, Rushmore TH, Goldberg MT. Inhibition of hepatocarcinogenic responses to 1,2-dimethydrazine by diallyl sulfide, a component of garlic oil. Carcinogenesis 1987; 8(8):1155-8.  

154.     Nakagawa S, Yoshida S, Hirao Y, Kasuga S, Fuwa T. Cytoprotective activity of components of garlic, ginseng and ciuwjia on hepatocyte injury induced by carbon tetrachloride in vitroHiroshima J Med Sci 1985;34(3):303-9. 

155.     Nakagawa S, Kasuga S, Matsuura H. Prevention of liver damage by aged garlic extract and its components in mice. Phytother Res 1989;3(2):50-3. 

156.     Kasuka S, Kanesawa A, Nakagawa S. Extraction of ajoene from garlic for treatment of liver diseases.  Patent: Jpn Kokai Tokyo Koho JP 63 08,328 [88 08, 328], 1988.  

157.     Hattori A, Yamada N, Nishikawa T, Fukuda H, Fujino T. Protective effect of ajoene on acetaminophen-induced hepatic injury in mice. Biosci Biotechnol Biochem 2001; 65(11):2555-7. 

158.     Vimal V, Devaki T.  Hepatoprotective effect of allicin on tissue defense system in galactosamine/endotoxin challenged rats.  J Ethnopharmacol 2004;90:151-4. 

159.     Fukao T, Hosono T, Misawa S, Seki T, Ariga T. Chemoprotective effect of diallyl trisulfide from garlic against carbon tetrachloride-induced acute liver injury of rats.  Biofactors 2004;21(1-4):171-4. 

160.     Liu Z-F, Fang F, Dong Y-S, Li G, Zhen H. Experimental study on the prevention and treatment of murine cytomegalovirus hepatitis by using allitridin. Antiviral Res 2004;61(2):125-8. 

161.      Bruck R, Aeed H, Brazovsy E, Noor T, Hershkoviz R. Allicin, the active component of garlic, prevents immune-mediated, concanavalin A-induced hepatic injury in mice. Liver Int 2005;25(3):613-21. 

162.     Hsu C, Lin C, Liao T, Yin M. Protective effect of S-allyl cysteine and S-propyl cysteine on acetaminophen-induced hepatotoxicity in mice. Food Chem Toxicol 2006; 44(3);393-7. 

163.     Kodai S, Takemura S, Minamiyama Y, et al. S-allyl cysteine prevents CCl4-induced acute liver injury in rats. Free Radical Res 2007;41:489-97.

164.     Sivapatham S, Perumal S. Prevention of N-nitrosodiethylammine-induced hepatocarcinogenesis by S-allylcysteine. Mol Cell Bio 2008; 310(1&2): 209-14.

165.     Park EY, Ki SH, Ko MS, et al. Garlic and DDB, comprised in a pharmaceutical composition for the treatment of patients with viral hepatitis, prevents acute liver injuries potentiated by glutathione deficiency in rats. Chem Biol Interact 2005;155(1-2):82-96. 

166.     Kwon SK, Kim SK, Kim SB, Kim KS, Kim WB. Pharmaceutical composition for prevention and treatment of hepatic diseases. Patent: Repub Korea KR 137,602, 1998. 

167.     Harada K, Namiki M. Acute gastric mucosal lesions induced by drugs and irritating foods. Saishin Igaku 1989;44:2056-60.

168.     Caporase N, Smith SM, Eng RH. Antifungal activity on human urine and serum after ingestion of garlic (Allium sativum). Antimicrob Agents Chemother 1983;23:700-2.

169.     Jung F, Jung EM, Mrowictz C, et al. The effect of garlic powder on cutaneous microcirculation. A cross-over test with healthy test persons.  Med Welt 1991;42: 28-30.

170.     Mader FH. Treatment of hyperlipidaemia with garlic-powder tablets. Evidence from the German Association of General Practitioners’ muliticentric placebo controlled double-blind study. Arznemittelforschung 1990;40:1111-6.

171.     Koscielny J, Klussendrof D, Latza R, et al. The antiatherosclerotic effect of Allium sativum. Atherosclerosis 1999;144:237-49.

172.     Simons LA, Balasubramaniam S, Von Konigsmark M, Parfitt A, Simons J, Peters W. On the effect of garlic on plasma lipids and lipoproteins in mild hypercholesterolaemia. Atherosclerosis 1995;113:219-25.

173.     Kannar D. Clinical evaluation of Australian based garlic and its combination with inulin in mild moderate hyperlipidaemia [dissertation]. Clayton: Monash University, 1998.

174.     Isaacsohn JL, Moser M, Stein EA, et al. Garlic powder and plasma lipids and lipoproteins: a multicenter, randomized, placebo controlled trial. Arch Intern Med 1998;158:1189-94.

175.     Gardner CD, Chatterjee L, Carlson J. Effect of garlic supplementation on plasma lipids in hypercholesterolemic men and women. Circulation 1999;99:1123.

176.     De Santos AOS, Grunwald J. Effect of garlic powder tablets on blood lipids and blood pressure: a six month placebo controlled, double blind study. Br J Clin Res 1993;4: 37-44.

177.     Lash JP, Cardoso LR, Mesler PM, Walczak DA, Pollak R. The effect of garlic on hypercholesterolemia in renal transplant patients. Transplant Proc 1998;30(1):189-91.

178.     Fulder S. Garlic and the prevention of cardiovascular disease. Cardiology In Practice 1989;7:30-5.

179.     Holzgartner H, Schmidt U, Kuhn U. Comparison of the efficacy and tolerance of a garlic preparation vs. bezafibrate. Arzneimittelforschung 1992;42(12):1473-7.

180.     Berthold HK, Sudhop T, Von Bergmann K. Effect of garlic oil preparation on serum lipoproteins and cholesterol metabolism: a randomized controlled trial. JAMA 1998; 279(23):1900-2.

181.     Szybejko J, Zokowski A, Herbec R. Unusual cause of obturation of the small intestine. Wiad Lek 1982;35:163-4.

182.     Borrelli F, Capasso R, Izzo AA. Garlic (Allium sativum L.): adverse effects and drug interactions in humans. Mol Nutri Food Res 2007;51(11):1386-97.

183.     Vaes LPJ, Chyka PA. Interactions of warfarin with garlic, ginger, ginkgo, or ginseng: nature of the evidence. Ann Pharmacother 2000;34(12):1478-82.

184.     Sunter WH. Warfarin and garlic. Pharm J 1991;246(6640):722.

185.     Rose KD, Croissant PD, Parliament CF, Levin MB. Spontaneous spinal epidural hepatoma with associated platelet dysfunction from excessive garlic ingestion: a case report. Neurosurgery 1990;26(5):880-2.

186.     Neli HA, Silagy CA, Lancaster T, et al. Garlic powder in the treatment of moderate hyperlipidaemia: a controlled trial and meta-analysis. J R Coll Physicians Lond 1996;30:329-34.

187.     Burnham BE. Garlic as a possible risk for postoperative bleeding. Plast Reconstr Surg 1995;95:213.

188.     German K, Kumar U, Blackford HN. Garlic and the risk of TURP bleeding. Brit J Urol 1995;76(4):512. 

189.     Burden AD, Wilkinson SM, Beck MH, Chalmers RJG. Garlic-induced systemic contact dermatitis. Contact Dermatitis 1994;30(5):299-300.

190.     Kaplan B, Schaewach-Millet M, Yorav S. Factitial dermatitis induced by application of garlic. Int J Dermatol 1990;29(1):75-6. 

191.     Mc Govern TW, Lawarre S. Botanical briefs: garlic-Allium sativum. Cutis 2001;67(3): 193-4.

192.     Hughes TM, Varma S, Stone NM. Occupational contact dermatitis from a garlic and herb mixture. Contact Dermatitis 2002;47(1):48. 

193.     Cronin E. Dermatitis of the hands in caterers. Contact Dermatitis 1987;17(5): 265-9.

194.     Canduela V, Mongil I, Carrascosa M, Docio S, Cagigas P. Garlic: always good for the health? Brit J Dermatol 1995;132(1):161-2.  

195.     Baruchin AM, Sagi A, Yoffe B, Ronen M. Garlic burns. Burns 2001;27(7):781-2.

196.     Parish RA, Mc Intire S, Heimbach DM. Garlic burns: a naturopathic remedy gone away. Pediatr Emerg Care 1988;3(4):258-60.

197.     Roberge RJ, Leckey R, Spence R, et al. Garlic burns of the breast. Am J Emerg 1997;15(5):548.

198.     Garty BZ. Garlic burns. Pediatrics 1993;91(3):658-9.

199.     Mc Fadden JP, White IR, Rycroft RJG. Allergic contact dermatitis from garlic. Contact Dermatitis 1992;27(5):333-4. 

200.     Seuri M, Taivanen A, Ruoppi P, Tukiainen H. Three cases of occupational asthma and rhititis caused by garlic. Clin Exp Allergy 1993;23(12):1011-4. 

201.     Watanabe Y, Arase S, Senoue M, et al. Statistical study on garlic (Allium) related contract dematitis. Nishinihon J Dermatol 1988;50:439-44. 

202.     Goddoni G, Selvi M, Resta F, et al. Allergic contact dermatitis to garlic in a cook. Ann Ital Dermatol Clin Sperimentale 1994;48:120-1.

203.     Gall H, Kalveram CM, Schunter M. Sofortallergie auf Lauch. Allergo J 1996;51:29.

204.     Edelstein AJ, Johnstown PA. Dermatitis caused by garlic. Arch Dermatol 1950;61:111.

205.     Bleumink E, Doeglas HM, Klokke AH, et al. Allergic contact dermatitis to garlic. Br J Dermatol 1972;87:6-9.

206.     Campolmi P, Lombardi P, Lotti T, et al. Immediate and delayed sensitization to garlic. Contact Dermatitis 1982;8:352-3.

207.     Van Ketel WG, De Haan P. Occupational eczema from garlic and onion. Contact Dermatitis 1978;4:53-4.

208.     Delaney TA, Donnelly AM. Garlic dermatitis. Australas J Dermatol 1996;37:109-10.

209.     Mitchell JC. Contact sensitivity to garlic (Allium). Contact Dermatitis 1980;6:356-7.

210.     Fleischer S, Bayerl C, Jung EG. Occupational allergic hand dermatitis to garlic in a pizza baker. Aktuelle Dermatol 1996;22:278-9.

211.     Rauterberg A. Allergic contact dermatitis due to garlic in a cook. Aktuelle Dermatol 1995;21:317-8.

212.     Lautier R, Wendt V. Contact allergy to Alliaceae. Case report and literature review. Derm Beruf Umwelt 1985;33:213-5.

213.     Lee TY, Lam TH. Contact dermatitis due to topical treatment with garlic in Hong Kong. Contact Dermatitis 1991;24(3):193-6.

214.     Bojs G, Svensson A. Contact allergy to garlic used for wound healing. Contact Dermatitis 1988;18:179-81.

215.     Svensson A, Bojs G, Hradil E, et al. Garlic and olive oil: good in food but unsuitable for skin care. Lakartidningen 1991;88:733-4.

216.     Anibarro B, Fontela JL, De La Hoz F. Occupational asthma induced by garlic dust. J Allergy Clin Immunol 1997;100(6):734-8. 

217.     Asero R, Mistrello G, Roncarolo D, Antoniotti PL, Falagiani P. A case of garlic allergy. J Allergy Clin Immunol 1998;101(3):427-8.

218.     Henson GE. Garlic: An occupational factor in the etiology of bronchial asthma. J Fla Med Assoc 1940;27:86.

219.     Kirsten D, Meister W. Occupational allergy due to garlic. Allergoligie 1985;8: 511-2.

220.     Couturier P, Bousquet J. Occupational allergy secondary inhalation of garlic dust. J Allergy Clin Immunol 1982;70:145.

221.     Couturier P, Kreuter M, Loupi J. Allergy a la poussiere d’ail. A propos de deux observations. Rev Fr Allergy 1980;20:145-7.

222.     Falleroni AE, Zeiss CR, Levitz D. Occupational asthma secondary to inhalation of garlic dust. J Allergy Clin Immunol 1981;68:156-60.

223.     Armentia A, Vega JM. Can inhalation of garlic dust cause asthma? [published erratum appears in Allergy 1997;52:358]. Allergy 1997;51:137-8.

224.     Lybarger JA, Gallagher JS, Pulver DW, et al. Occupational asthma induced by inhalation and ingestion of garlic. J Allergy Clin Immunol 1982;69:448-54.

225.     Molina C, Lachaussee R, Jeanneret A, et al. A garlic story. Press Med 1983; 12:1941. 

226.     Kurzen M, Bayerl C. Immediate-type hypersensitivity to garlic. Aktuelle Dermatol 1997;23:145-7.

227.     Perezpimiento AJ, Moneo I, Santaolalla M, Depaz S, Fernandezparra B, Dominguezlazaro AR. Anaphylactic reaction to young garlic. Allergy 1999; 54(6):626-9.

228.     Boccafogli A, Vicentini L, Camerani A, et al. Adverse food reactions in patients with grass pollen allergic respiratory disease. Ann Allergy 1994;73:301-8.

229.     Rance F, Dutau G. Labial food challenge in children with food allergy. Pediatr Allergy Immunol 1997;8:41-4.

230.     Andre F, Andre C, Colin L, et al. Role of new allergens and of allergens consumption in the increased incidence of food sensitizations in France. Toxicology 1994;93:77-83. 

231.     Eming SA, Piontek JO, Hunzelmann N, Rasokat H. Severe toxic contact dermatitis caused by garlic. Brit J Dermatol 1999;141(2):391-2.

232.     Lemiere C, Cartier A, Lehrer SA, Malo JL. Occupational asthma caused by aromatic herbs. Allergy 1996;51(9):647-9.

233.     Jappe U, Bonnekoh B, Hausen BM, Gollnick H. Garlic-related dermatoses: case report and review of the literature. Amer J Contact Dermatitis 1999;10(1):37-9.

234.     Papageorgiou C, Corbet JP, Menezes-Brandao F, et al. Allergic contact dermatitis to garlic (Allium sativum L.). Identification of the allergens: the role of mono-, di-, and tri-sulfides present in garlic. A comparative study in man and animal (guinea-pig). Arch Dermatol Res 1983;275(4):229-34.

235.     Mc Crindle BW, Helden E, Conner WT. Garlic extract therapy in children with hypercholesterolemia. Arch Pediatr Adolesc Med 1998;152(11):1089-94.

236.     Sitprija S, Plengvidhya C, Kangkaya V, Bhuvapanich S, Tunkayoon M. Garlic and diabetes mellitus phase II clinical trial. J Med Ass Thailand 1987;70(Suppl 2):223-7.

237.     Ackermann RT, Mulrow CD, Ramirez G, Gardner CD, Morbidoni L, Lawrence VA. Garlic shows promise for improving some cardiovascular risk factors. Arch Intern Med 2001;161(6):813-24.

238.     Sumiyoshi H. New pharmacological activities of garlic and its constituents. Nippon Yakurigaku Zasshi 1997;110(1):93-7.

239.      Nilvises N, Warmanujchinda W, Athisuk K, et al. Acute toxicity test of freeze-dried garlic powder. Ann Res Abstr. Bangkok: Mahidol University 1990. 

240.      Nakagawa S, Masamoto K, Sumiyoshi H, et al. Acute toxicity test of garlic extract. J Toxicol Sci 1984;9(1):57-60. 

241.      Kanezawa A, Nakagawa S, Sumiyoshi H, et al. General toxicity tests of garlic extract preparation contained vitamins. Pharmacometrics 1984;27(5):909-29.

242.     Perrin M, Dombray P, Vlaikovitch M. Experimental toxicity of garlic. C R Soc Biol 1924;90:1431-2.

243.     Uemori T. Pharmacological investigation of Allium sativum. Nippon Yakurigaku Zasshi 1929;9(1):21-6.

244.     Song CS, Kim YS, Lee DJ, Nam CC. A blood anticoagulant substance from garlic. II. Chemical analysis and studies on biochemical and pharmacological effects. Yonsei Med J 1963;4:21-6.

245.     Anon. More praise for onions and garlic. Food Chem Toxicol 1984;22(11):918.

246.     Anon. Symposium on the chemistry, pharmacology and medical applications of garlic. Cardiol Pract 1989;7:1-15.

247.     Kodera Y, Suzuki A, Imada O, et al. Physical, chemical, and biological properties of S-allylcysteine, an amino acid derived from garlic. J Agric Food Chem 2002; 50(3):622-32.

248.     Umbert De Torrescasana E. Experimental studies of the pharmacology of the active principles of Allium sativum (garlic). Rev Espan Fisiol 1946;2:6-31.

249.     Morcos NC, Camilo K. Acute and chronic toxicity study of fish oil and garlic combination. Int J Vitam Nutr Res 2001;71(5):306-12.

250.     Kumar CA, Saxena KK, Gupta C, et al. Allium sativum: effect of three weeks feeding in rats. Indian J Pharmacol 1981;13:91.

251.     Sumiyoshi H, Kanezawa A, Masamoto K, et al. Chronic toxicity test of garlic extract in rats. J Toxicol Sci 1984;9:61-75. 

252.     Siegers CP. Allium sativum. In: Adverse effects of herbal drugs, vol 1, De Smet PAGM, Keller K, Hansel R, Chandler RF, (eds). Berlin:Springer-Verlag, 1992:73-6. 

253.     Bartimaeus ES, Agbor RE. Toxicological effects of garlic (Allium sativum) on some hematological and biochemical parameters in rat. J Environ Sci2003;2(1):11-6. 

254.     Fehri B, Aiache JM, Korbi S, et al. Toxic effects induced by the repeat administration of Allium sativum L. J Pharm Belg 1991;46(6):363-74. 

255.     Alnaqeeb MA, Thomson M, Bordia T, Ali M. Histopathological effects of garlic on liver and lung of rats. Toxicol Lett 1996;85(3):157-64.

256.     Yun IS. Relation between rocambole extract from garlic and endocrine organs. Korean Med J 1932;2:112-3. 

257.     Joseph PK, Rao KR, Sundaresh CS. Toxic effects of garlic extract and garlic oil in rats. Indian J Exp Biol 1989;27(11):977-9.

258.     Ruffin J, Hunter SA. An evaluation of the side effects of garlic as an antihypertensive agent. Cytobios 1983;37(146):85-90. 

259.     Munday R, Munday JS, Munday CM. Comparative effects of mono-, di-, tri-, and tetrasulfides derived from plants of the Allium family: redox cycling in vitro and hemolytic activity and phase 2 enzyme induction in vivo. Free Radic Biol Med 2003;34(9):1200-11. 

260.     Shah AH, Tariq M, Ageel AM, Qureshi S. Cytological studies on some plants used in traditional Arab medicine. Fitoterapia 1989;60(2):171-3.

261.     Abraham SK, Kesavan PC. Genotoxicity of garlic, turmeric and asafoetida in mice. Mutat Res 1984;136(1):85-8.

262.     Sivaswamy SN, Balachandran B, Balanehru S, Sivaramakrishnan VM. Mutagenic activity of South Indian food items. Indian J Exp Biol 1991;29(8):730-7.

263.     Mahmoud I, Alkofahi A, Abdelaziz A. Mutagenic and toxic activities of several spices and some Jordanian medicinal plants. Int J Pharmacog 1992;30(2):81-5.

264.     Egen-Schwind C, Eckard R, Kemper FH. Metabolism of garlic constituents in the isolated perfused rat liver. Planta Med 1992;58(4):301-5.

265.     Weber ND, Andersen DO, North JA, Murray BK, Lawson LD, Hughes BG. In vitro virucidal effects of Allium sativum (garlic) extract and compounds. Planta Med 1992;58(5):417-23. 

266.     Guo NL, Lu DP, Woods G, Reed E, Zhou GZH, Zhang LB, Waldman R. Demonstration of the antiviral activity of garlic extract against human cytomegalovirus in vitro. Chin Med J 1993;106(2):93-6.  

267.     Unnikrishnan Mc, Kuttan R. Cytotoxicity of extracts of spices to cultured cells. Nutr Cancer 1988;11(4):251-7.

268.     Morioka N, Sze LL, Morton DL, Irie RF. A protein fraction from aged garlic extract enhances cytotoxicity and proliferation of human lymphocytes mediated by interleukin-2 and concanavalin A. Cancer Immunol Immunother 1993;37(5):316-22.

269.     Siegers CP, Steffen B, Robke A, Pentz R. The effects of garlic preparations against human tumor cell proliferation. Phytomedicine 1999;6(1):7-11.

270.     Hageman GJ, van Herwijnen HM, Schilderman PAEL, Rhijnsburger EH, Coonen EJC, Kleinjans JCS. Reducing effects of garlic constituents of DNA adduct formation in human lymphocytes in vitro. Nutr Cancer 1997;27(2):177-85.

271.     Tokin IB. The effect of phytonocides on spermatozoa and spermatogenesis in mammals. Dokl Akad Nauk SSSR 1953;93:567-8.

272.     Prakash AO, Gupta RB, Mathur R. Effect of oral administration of forty-two indigenous plant extracts on early and late pregnancy in albino rats. Probe 1978; 17(4):315-23.

273.     Runnebaum B, Rabe T, Kiesel L, Prakash AO. Biological evaluation of some medicinal plant extracts for contraceptive efficacy in females. Future aspects in contraception. Part 2. Female contraception. Boston: Mtp Press, Ltd, 1984. p.115-28.

274.     Prakash AO, Mathur R. Screening of Indian plants for antifertility activity. Indian J Exp Biol 1976;14:623-6. 

275.     Kamboj VP. A review of Indian medicinal plants with interceptive activity. Indian J Med Res 1988;4:336-55.

276.     Gupta MK, Mittal SR, Mathur AK, et al.  Garlic: the other side of the coin. Int J Cardiol 1993;38:333.

277.     Gupta PP, Khetrapal P, Ghai CL. Effect of garlic on serum cholesterol and electrocardiogram of rabbit consuming normal diet. Indian J Med Sci 1987;41(1): 6-11.

278.     Martin N, Bardisa L, Pantoja C, Roman R, Vargas M. Experimental cardiovascular depressant effects of garlic (Allium sativum) dialysate. J Ethnopharmacol 1992;37(2): 145-9. 

279.     Agarwal KC. Therapeutic actions of garlic constituents. Med Res Rev 1996; 16(1):111-24.

280.     Bordia A, Verma SK, Srivastava KC. Effect of garlic (Allium sativum) on blood lipids blood sugar, fibrinogen and fibrinolytic activity in patients with coronary artery disease. Prostaglandins Leukot Essent Fatty Acids 1998;58(4):257-63.

281.     Legnami C, Frascaro M, Guazzaloca G, et al. Effect of a dried garlic preparation on fibrinolysis and platelet aggregation in healthy subjects. Arzneimittelforschung 1993;43(2):119-22.

282.     Newall CA, Anderson LA, Philpson JD. Herbal medicines: a guide for health-care professionals. London: Pharmaceutical Press, 1996.

283.     Robbers JE, Speedie MK, Tyler VE. Pharmacognosy and Pharmacobiotechno-logy. Baltimore: Williams & Wilkins, 1996.

284.     Hu Z, Yang X, Ho PC, et al. Herb-drug interactions: a literature review. Drugs 2005;65:1239-82.

285.     Hodges PJ, Kam PCA. The peri-operative implications of herbal medicines. Anaesthesia 2002;57:889-99.

286.     พระเทพวิมลโมลีตำรายากลางบ้านกรุงเทพฯ:โรงพิมพ์มงกุฎราชวิทยาลัย, 2522. หน้า 14.

287.     อวย เกตุสิงห์โครงการศึกษาวิจัยสมุนไพรกรุงเทพฯ:จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2523.

288.     รายงานบทความสัมมนายาพื้นบ้านลานนาไทย โดยสมาคมสงเคราะห์ครอบครัวเชียงใหม่ ในความอุปถัมภ์ของสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์เชียงใหม่, 2522. หน้า 149.

289.     พระเทพวิมลโมลีตำรายากลางบ้านกรุงเทพฯ:โรงพิมพ์มงกุฎราชวิทยาลัย, 2522. หน้า 136.

290.     . พิธรแบบสัมภาษณ์ผู้ใช้โดยโครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งตนเอง.

291.     อาจินต์ ปัญจพรรค์ขุดทองในบ้านกรุงเทพฯ:โรงพิมพ์อนงค์ศิลป์การพิมพ์, 2524. หน้า 44.

292.     อาจินต์ ปัญจพรรค์เมืองไทยอมตะกรุงเทพฯ:โรงพิมพ์เจริญกิจ, 2522. หน้า 29.

293.     วีณา ศิลปอาชาตำรายากลางบ้านกรุงเทพฯ:โครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งตนเอง, 2529. หน้า 8. 

294.     คล้อย ทรงบัณฑิตคัมภีร์สรรพคุณยาไทยจากฉบับใบลานกรุงเทพฯ: ศิลปาบรรณาคาร, 2521.