อ้อยแดง |
อ้อยแดง
1. ชื่อสมุนไพร อ้อย
ชื่อวิทยาศาสตร์ Saccharum officinarum L.
ชื่อวงศ์ GRAMINEAE (POACEAE)
ชื่อพ้อง Saccharum chinense Roxb., Saccharum officinale Salisb.
Saccharum atrorubens Cuzent & Pancher ex Drake,
Saccharum glabrum Cuzent & Pancher,
Saccharum infirmum Steud., Saccharum luzonicum Hack.
Saccharum obscurum Cuzent & Pancher ex Drake,
Saccharum rubicundum Cuzent & Pancher ex Drake
ชื่ออังกฤษ Sugar cane, sugarcane
ชื่อท้องถิ่น กะที อ้อยขม อ้อยดำ อ้อยแดง อำโป
2. ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้ล้มลุกอายุหลายปี ลำต้นสูง 3-6 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 2-5 ซม. สีม่วงแดง มักมีไขฉ่ำน้ำ มีรสหวาน ลิ้นใบเป็นเยื่อ ยาวประมาณ 5 มม. มักมีขน ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปแถบ กว้าง 3-6 ซม. ยาว 1-2 เมตร ปลายเรียวแหลม ขอบสาก ดอกช่อดอกแขนง ยาว 50-100 ซม. ช่อดอกยาว 2.6-4.0 มม. กาบช่อย่อยแผ่นล่างยาว 2.8-4.0 มม. กาบช่อย่อยแผ่นบนยาว 2.6-3.9 มม. ขอบมีขน กาบล่างยาว 2.5-3.5 มม. ดอกย่อย บน ๆ ไม่มีกาบล่าง อับเรณูสีเหลือง ยาว 1.0-1.8 มม. ยอดเกสรตัวเมียสีม่วง (1)
3. ส่วนที่ใช้เป็นยาและสรรพคุณ
ลำต้นทั้งสด หรือแห้ง (ช่วงเวลาที่เก็บเป็นยา เก็บลำต้นที่สมบูรณ์เต็มที่)
สรรพคุณยาไทย รสหวาน และขม แก้ปัสสาวะพิการ แก้ขัดเบา (2)
4. สารสำคัญ
น้ำอ้อย ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่ม ฟลาโวนอยด์ (flavonoid) ฟีนอลิก (phenolic) และกลุ่มไฟโตสเตอรอล (phytosterol) เช่น สติ๊กมาสเตอรอล (stigmasterol) เบต้าซิโตสเตอรอล (β-sitosterol) (3)
ไขเปลือกอ้อย มีสารชื่อ โพลิโคซานอล (4)
5. ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์ขับปัสสาวะ
เมื่อป้อนสารสกัดใบอ้อยด้วยเอทานอล ขนาด 200 และ 400 มก./กก. นน. ตัว ให้กับหนูแรทตัวผู้ที่เหนี่ยวนำให้เป็นนิ่วด้วยสาร ethylene glycol (0.75% vol./vol.) ผสมลงในน้ำดื่ม 28 วัน พบว่าสารสกัดใบอ้อยด้วยเอทานอล ขนาด 200 และ 400 มก./กก. นน ตัว มีฤทธิ์ขับปัสสาวะได้ดีเมื่อเทียบกับยาแผนปัจจุบัน furosemide ขนาด 5 มก./กก. นน. ตัว และสามารถป้องกันการเกิดนิ่วที่ไตได้ด้วย (5)
ฤทธิ์ต้านการอักเสบ
การศึกษาในหลอดทดลองของสารสกัดใบอ้อยด้วยเอทานอล และเมทานอล พบว่าสารสกัดเอทานอล และเมทานอลของใบอ้อยที่ความเข้มข้น 100 มคก./มล. สามารถต้านการอักเสบได้โดยไปยับยั้งเอนไซม์ hyaluronidase ได้ 66.13 และ79.30% ตามลำดับ และเมื่อมาทดสอบการอักเสบกับอุ้งเท้าหนูแรทที่ทำให้เกิดการอักเสบ บวม แดง ด้วยสารคาราจีแนน พบว่าสารสกัดใบอ้อยด้วยเอทานอลที่ความเข้มข้น 200 และ 500 มก./กก. สามารถยับยั้งการอักเสบได้ 59.57 และ 87.23% ที่เวลา 240 นาที ตามลำดับ ในขณะที่สารสกัดใบอ้อยด้วยเมทานอลที่ความเข้มข้น 200 และ 500 มก./กก. สามารถยับยั้งการอักเสบได้ 55.31 และ 80.85% ที่เวลา 240 นาที ตามลำดับเมื่อเทียบกับยาแผนปัจจุบัน diclofenac ขนาด 20 มก./กก. (6)
ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
สารสกัดใบอ้อยด้วยเอทานอล และเมทานอล มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระด้วยวิธี hydrogen peroxide radical scavenging เท่ากับ 32.03 และ 33.30% ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับวิตามินซีที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระเท่ากับ 77.36% ด้วยวิธีเดียวกัน และหากทดสอบด้วยวิธี DPPH (2, 2 diphenyl 1, 1 picrylhydrazyl) radical scavenging พบว่าสารสกัดใบอ้อยด้วยเอทานอล และเมทานอล มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เท่ากับ 79.64 และ 76.53% ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับวิตามินซีที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระเท่ากับ 97.66% ด้วยวิธีเดียวกัน (6)
ฤทธิ์ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
สารโพลิโคซานอล (policosanol) จากไขเปลือกต้นอ้อย ซึ่งมีส่วนประกอบหลักคือสารออกตะโคซานอล (octacosanol) จากการศึกษาเมื่อป้อนสารโพลิโคซานอลให้กระต่ายที่มีระดับคอเลสเตอรอลปกติ ขนาด 5 -200 มก./กก. นาน 4 สัปดาห์ พบว่าระดับคอเลสเตอรอล และคอเลสเตอรอลชนิด LDL (low density lipoprotein-C) ลดลง แต่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของสารโพลิโคซานอล และไม่มีผลต่อระดับคอเลสเตอรอลชนิด HDL (high density lipoprotein) (7)
6. อาการข้างเคียง
ยังไม่มีรายงาน
7. การทดสอบความเป็นพิษ
การศึกษาความเป็นพิษเฉียบพลันในหนูแรทด้วยสารสกัดจากใบอ้อยด้วยเอทานอล พบว่าขนาดที่ทำให้หนูตายเป็นครึ่งหนึ่ง (LD50) มีค่ามากกว่า 2 ก./กก. โดยไม่มีความผิดปกติของอวัยวะใดๆ (pharmtech) การศึกษาความเป็นพิษเรื้อรังในหนูแรทเมื่อป้อนสารโพลิโคซานอล (policosanol) ซึ่งพบได้ในไขเปลือกอ้อย (sugarcane wax) ขนาด 0.5-500 มก./กก. นาน 12 เดือน ไม่พบความเป็นพิษ (8) มีรายงานการศึกษาวิจัยในประเทศบราซิลว่าการเผาป่าอ้อยก่อนการตัดเก็บอ้อยเพื่อมาทำน้ำอ้อยนั้น มีผลทำให้น้ำอ้อยมีสารปนเปื้อนของสาร polycyclic aromatic hydrocarbons (PAHs) ซึ่งสารตัวนี้คือสารที่เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ และหากสะสมระยะยาวอาจทำให้เกิดความเป็นพิษต่อร่างกายได้ ดังนั้นหากน้ำอ้อยมีสารปนเปื้อนของสาร PAHs ก็อาจทำให้เป็นพิษต่อร่างกายได้ แต่มีข้อแนะนำว่าสามารถป้องกันได้โดยการล้างทำความสะอาดสถานที่ และลำต้นอ้อยก่อนที่จะทำเป็นน้ำอ้อย (9)
8. วิธีการใช้
8.1 ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข (สาธารณสุขมูลฐาน)
ลำต้นอ้อยแดงทั้งสด หรือแห้ง ใช้เป็นยาแก้อาการขัดเบา โดยใช้ลำต้นสดวันละ 1 กำมือ (สดหนัก 70 - 90 กรัม แห้งหนัก 30 - 40 กรัม) หั่นเป็นชิ้นๆ ต้มกับน้ำรับประทานวันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหาร ครั้งละ 1 ถ้วยชา (75 มล.) (2)
8.2 ยาจากสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ
ไม่มี
เอกสารอ้างอิง
1. Clayton WD, Davidse G, Gould F, Lazarides M, Soderstrom TR. Poaceae. In: Dassenayake MD, Fosberg FR, Clayton WD, eds. A revised handbook to the Flora of Ceylon, Vol 8. Rotterdam: A.A. Balkema, 1994.
2. สมุนไพรในงานสาธารณสุขมูลฐาน อ้อยแดง. Avaliable from :
http://www.ittd.mju.ac.th/lanna/images/stories/data/Medicine/0151.pdf. [cited 2018 Jan 08].
3. Feng S, Luo Z, Zhang Y, Zhong Z, Lu B. Phytochemical contents and antioxidant capacities of different parts of two sugarcane (Saccharum officinarum L.) cultivars. Food Chem. 2014;151:452-8.
4. Singh A, Lal UR, Mukhtar HU, Singh PS, Shah G, and Dhawan RK. Phytochemical profile of sugarcane and its potential health aspects. Pharmacogn Rev. 2015 Jan-Jun;9(17):4554.
5. Palaksha, M. N.; Ravishankar, K.; Girija, Sastry V. Biological evaluation of in vivo diuretic, and antiurolithiatic activities of ethanolic leaf extract of Saccharum officinarum. Indo Am J Pharm Res. 2015;5(6):2232.8.
6. Ghiware N.B., Aseemuddin N., Kawade R.M., Vadvalkar S.M. Pharmacological exploration of Saccharum officinarum leave extracts For its anti-oxidant and anti-Inflammatory activity. Int.J.PharmTech Res. 2012,4(4):1785-91.
7. Arruzazabala ML, Carbajal D, Mas R, Molina V, Valdes S, Laguna A. Cholesterol-lowering effects of policosanol in rabbits. Biol Res. 1994;27(3-4):205-8.
8. Alemán CL, Más R, Hernández C, Rodeiro I, Cerejido E, Noa M, et al. A 12-month study of policosanol oral toxicity in Sprague Dawley rats. Toxicol Lett. 1994;70(1):77-87.
9. Tfouni SAV, Souza NG, Neto MB, Loredo ISD, Leme FM, Furlani RPZ. Polycyclic aromatic hydrocarbons (PAHs) in sugarcane juice. Food Chem. 2009;116: 391-4.